บทสนทนาทางโทรศัพท์ที่หลุดออกมาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยและนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นพิพาทชายแดน กำลังผลักให้รัฐบาลไทยเข้าสู่วิกฤต หลังพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในพรรคร่วมรัฐบาลถอนการสนับสนุนออกไป ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย พร้อมอ้างนักวิเคราะห์ชี้ตัวนางสาวแพทองธารเองก็คงรอดยาก ท่ามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอกำลังขายผลประโยชน์ของประเทศชาติ
เรดิโอฟรีเอเชีย รายงานว่าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งครองเก้าอี้ 71 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 เก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฏรของไทย ได้ประกาศถอนตัวจากรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในวันพุธ(18มิ.ย.) ส่งผลให้รัฐบาลผสมของเธอเหลือเสียงข้างมากแบบฉิวเฉียด
รายงานของเรดิโอฟรีเอเชียอ้างคำแถลงของพรรคภูมิใจไทยระบุว่าพวกเขาถอนตัวสืบเนื่องจากผลกระทบต่อประเทศชาติ จากบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่หลุดออกมาระหว่างนางสาวแพทองธารกับ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่สำนักข่าวโปรรัฐบาลกัมพูชาเผยแพร่ออกมาเป็นแห่งแรกในวันพุธ(18มิ.ย.)
ในการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้นำไทยบอกว่าเธอกำลังเจอแรงกดดันภายในจากสถานการณ์ชายแดน และขอให้ ฮุนเซน อย่าไปฟังนายพลไทยรายหนึ่ง ที่กำกับดูแลทหารตามพื้นที่ชายแดน โดยบอก ฮุนเซน ว่าอย่าไปฟังฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่ทัพภาคที่ 2
"เขาพูดเอาเท่ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในความเป็นจริงสิ่งที่เราต้องการคือความสงบสุข" รายงานของเรดิโอฟรีเอเชียอ้างคำพูดของนางสาวแพทองธาร ในคลิปเสียงสนทนา บอกกับ ฮุน เซน ผ่านล่าม
นายกรัฐมนตรีของไทยยังขอให้ ฮุน เซน ส่งข้อความหาเธอโดยตรงแทนการโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ บอกว่ามันยิ่งจะทำให้จัดการสถานการณ์ยากขึ้น ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย
นางสาวแพทองธาร จัดแถลงข่าวในทันทีในวันพุธ(18มิ.ย.) ยืนยันบันทึกเสียงสนทนาดังกล่าวเป็นของจริงและปกป้องการกระทำของตนเอง เธออ้างว่าเป็นความพยายามคลายความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่โหมกระพือขึ้นนับตั้งแต่ทหารไทยยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิตในวันที่ 28 พฤษภาคม บริเวณที่ชายแดนไทย กัมพูชาและลาว มาบรรจบกัน
เรดิโอฟรีเอเชีย ระบุว่าในไทย นางสาวแพทองธารกำลังเจอผลกระทบทางการเมืองอย่างหนักหน่วงจากบันทึกเสียงสนทนาดังกล่าว ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ประณามความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างครอบครัวของเธอกับตระกูลฮุนที่ปกครองกัมพูชา ครั้งที่ ทักษิณ ชินวัตร พ่อของเธอ นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น ถูกรัฐประหารโค่นอำนาจในปี 2006
รายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย ระบุว่านางสาวแพทองธาร วัย 38 ปี เรียก ฮุน เซน ว่า "ลุง" คำในภาษาไทยที่ตามธรรมเนียมแล้วใช้เรียกผู้อาวุโสกว่าที่เป็นญาติหรือเป็นมิตรกับครอบครัว แต่พวกนักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่เธอร้องขอให้ ฮุน เซน อย่าใส่ใจนายพลรายหนึ่งของกองทัพไทย ทำให้เธอตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางการเมือง
"มันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นนางสาวแพทองธาร อยู่รอดจากเรื่องนี้" ซาชารี อาบูซา ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และศาสตราจารย์จากวิทยาลัยสงครามแห่งชาติในวอชิงตัน บอกกัเรดิโอฟรีเอเชีย
"เธอทรยศเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพไทยรายหนึ่งเพื่อประโยชน์ของตนเอง ในช่วงเวลาที่กองทัพและชนชั้นกำลังค่อยๆเลือนหายไปในข้อตกลงสำคัญที่พบเห็น ทักษิณ ชินวัตร บิดาของเธอ กลับมาจากลี้ภัยในต่างแดน"
"ผมคิดว่ากองทัพและกลุ่มคนรักสถาบันกำลังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และตอนนี้เธอถูกมองว่ากำลังพยายามทำข้อตกลงขายผลประโยชน์ของประเทศชาติ" อาบูซากล่าว พร้อมระบุว่าแม้หากไม่มองถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร "มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่ายดีขึ้น"
หนังสือพิมพ์ปนมเปญโพสต์รายงานว่า ฮุนเซน ในวันพุธ(18มิ.ย.) เผยว่าเขาได้แชร์คลิปเสียงดังกลาวกับบุคคลต่างๆ 80 ราย จากพรรคการเมืองของเขา สมาชิกรัฐสภา รัฐบาลและกองทัพ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด และเพื่อจุดประสงค์ภายในของกัมพูชา
อย่างไรก็ตามทางเรดิโอฟรีเอเชียชี้ว่าการเผยแพร่บทสทนาลับโดยปราศจากการยินยอมของอีกฝ่ายถือเป็นการละเมิดกฎหมายกัมพูชา ในนั้นรวมถึงประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนี้แล้วมันจะถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการละเมิดระเบียบทางการทูต
(ที่มา:เรดิโอฟรีเอเชีย)