“แพทองธาร” ยอมรับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” ของจริง ที่บอกแม่ทัพ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามหมายถึงฝ่ายตรงข้ามกัมพูชา จวกผู้นำเขมรปล่อยคลิปเพื่อเรียกคะแนนเสียง หลังความนิยมตกต่ำ ต่อไปจะไม่คุยส่วนตัวอีกแล้ว ยืนยันรัฐบาลกับกองทัพไม่แตกแยก ก่อนทำอะไรปรึกษาตลอด
วันนี้(18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ปล่อยคลิปสนทนาส่วนตัวว่า เป็นการพูดหลังไมค์ คุยโทรศัพท์กัน ไม่ควรนำมาเปิดเผย เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรอง ตนทำตามโดยมีจุดมุ่งหมายรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมือง รักษาอธิปไตยของไทยไว้ เราคุยด้วยความนุ่มนวล จริงๆ แล้วเวลาคุยส่วนตัว เราเรียกลุง เรียกคนใน ครม.ที่ทำงานมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เรียกอา ลุง เป็นปกติ คุยกันว่าจะเอาอย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า ฮุนเซฯได้บอกให้เปิดด่าน เราก็บอกให้เปิดพร้อมกัน แต่เขาไม่ยอม ทั้งที่ไทยยอมแล้ว ไม่ได้ฮึดฮัดต่อสู้ เขาบอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น ตนก็ไม่แน่ใจขอปรึกษากับทีมกลาโหมก่อนพรุ่งนี้(หมายถึงวันที่ 16 มิ.ย.) แต่ยังไม่ทันเริ่มเลยก็มีเฟซบุ๊กฮุนเซนออกมาว่าไทยไม่เปิดด่านภายใน 24 ชั่วโมง จะปิดด่านหมดเลย ตนเลยข้องใจทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้
ส่วนที่บอกว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามนั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นการบอกฮุนเซนว่าแม่ทัพภาค 2 ก็คุยไปอย่างนั้นแหละ เพราะคนแปลบอกว่าท่านโกรธที่แม่ทัพภาค 2 พูด เลยบอกว่าปล่อยให้แม่ทัพภาค 2 พูดเท่ๆ ไป เพื่อให้คุยกันได้
นายกฯ กล่าวว่า คำไม่ใช่พวกเรา เรากับกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว เราต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว แม่ทัพภาคที่ 2 พูดไปอย่างนั้น แต่ก่อนคุยเขาพูดกับเราว่าท่านฮุนเซนโกรธที่คลิปแม่ทัพภาค 2 ออกมาพูด ทั้งที่จริงแล้วความสัมพันธ์ไม่มีอะไร
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนคุยด้วยความใจเย็น เราอยากคุยโดยไม่เสียเลือดเนื้อ เป็นความตั้งใจ แต่ฮุนเซนย้ำเรื่องเปิดด่านอย่างเดียว ตนไม่รับปากขอคุยกับกองทัพก่อน
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการของฮุนเซนจริงๆ แล้วต้องการคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความที่ต้องการความนิยม เพราะท่านบอกเองว่าเริ่มตก เลยอยากเรียกพลังตรงนี้ หวังจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม ตอนนี้อยู่ในสายตาของโลกเมื่อผู้นำ 2 คนคุยกันแต่มีการอัดคลิปแล้วปล่อยออกมาแบบนี้ แน่นอนตนไม่ได้ปล่อย ต้องเข้าใจจุดประสงค์ของการเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพ แต่ถ้าจะทำให้คะแนนนิยมท่านขึ้นก็ไม่เป็นไร
นายกฯ กล่าวว่า ต่อจากนี้จะไม่มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวอีกต่อไป ส่วนทั้งสองตระกูลจะไว้ใจกันได้อีกต่อไปหรือไม่นั้นไม่ทราบ ยืนยันว่าเนื้อหาของการสนทนาที่ต้องการจะทำให้รัฐบาลแตกแยกกับทางกองทัพ ขอยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะก่อนที่ตนจะทำอะไรได้ปรึกษากองทัพก่อนตลอด