ภูมิใจไทยจ่อฟ้องกลับ กกต. หากแจ้งข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. โต้เป็นเกมการเมืองดิสเครดิต ด้าน ส.ว.สำรองยื่นหนังสือ กกต. ยึดหลัก 5 ไม่ ตรวจสอบทุจริตเลือกตั้ง ส.ว. ให้โปร่งใส
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกหมายเรียกแกนนำพรรคภูมิใจไทยมาชี้แจงคดีฮั้วเลือกส.ว.สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองได้พอสมควร โดยนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย แสดงความคิดเห็นว่า ในเรื่องนี้อยากจะฝากไปถึงทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า มันมองเป็นอย่างอื่นแทบจะไม่ได้เลย ภายหลังจากที่ดูข้อกล่าวหาแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องประเด็นทางการเมือง ที่อยากจะมาโจมตีพรรคภูมิใจไทย ให้พรรคภูมิใจไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะสมาชิกพรรค หัวหน้า และ สส. ของพรรค รวมถึงกรรมการบริหาร เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการคุยกันว่า จะมีช่องไหนบ้าง หาก กกต. แจ้งข้อกล่าวหาเช่นนี้ และไม่มีหลักฐานพยานที่ชัดเจน ทำให้พรรคเสียหาย จึงคิดว่า กรรมการบริหารพรรค และพวกเราเอง คงจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มสว.ลำดับสำรอง และอดีตผู้สมัคร สว. นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นต่อกกต.เพื่อติดตามการทำงานของ กกต. ต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ในคดีฮั้วเลือก สว. โดยพล.ต.ท.คำรบ ระบุว่า กลุ่มสว.สำรอง และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ขอเรียกร้องต่อ กกต. ให้ยืนยันและปฏิบัติตาม 5 ไม่ คือ 1. ไม่ฟังเสียงสั่งการ หรือข้อขอร้องใดใดจากผู้หนึ่งผู้ใดที่อาจจะแอบอ้างสั่งการ หรือแอบอ้างชื่อเพื่อให้การกระทำที่นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เกิดขึ้นขอให้ยึดมั่นยึดถือเรื่องใดถูกก็ขอให้เป็นถูกเรื่องใดผิดก็ขอให้เป็นผิดตัดสินอย่างตรงไปตรงมา 2. ไม่รับคำร้องขอหรือรับสิ่งตอบแทนใดใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากผู้ใดเพื่อกระทำการหรืองดเว้นการกระทำการนอกเหนือไปจากหน้าที่รับผิดชอบในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรม 3.ไม่กระทำการสิ่งใดที่นอกเหนือจากหน้าที่รับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด 4. ไม่ลาออกก่อนกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผล และ 5.ไม่ละทิ้งหน้าที่และประชาชนโดยต้องควบคุมสอดส่องการปฎิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับในการตรวจสอบการทุจริตการเลือกสว.ครั้งนี้ให้สามารถดำเนินไปได้โดยปราศจากอุปสรรคใดใดและสนับสนุนอนุเคราะห์การดำเนินการผู้รับผิดชอบตลอดจนปกป้องและขัดขวางจากผู้ไม่หวังดีต่อกรณีกล่าวหาหรือร้องเรียนต่างๆ
สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองตรียมฟ้องกลับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การฟ้องกลับควรฟ้องกลับก็ต่อเมื่อการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปถึงศาลแล้วศาลยกว่าที่ฟ้องมาไม่ผิด จึงจะมีความเหมาะสมถ้าจะฟ้องกลับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาว่าถูกผิดอย่างไร แล้วใช้วิธีฟ้องกลับตนคิดว่าอาจจะฟังได้ส่วนจะสมเหตุสมผลหรือไม่คงต้องไปตรวจสอบกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
“หากท่านอดทนรออีกสักนิดนึง รอให้ท่านไปแก้ข้อกล่าวหา แก้ได้ไม่ได้ หากไปถึงชั้นศาลแล้วศาลฟังท่านแล้วยกคำร้องของคณะกรรมการสืบสวนฯ ก็แปลว่าท่านชนะ ท่านก็อาจใช้ประเด็นนั้นฟ้องกลับ ผมว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด” พล.ต.ท.คำรบกล่าว