นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ตามติดสถานการณ์อิหร่าน-อิสราเอล และมีมติวันนี้ (16 มิ.ย.) ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ น้ำเบนซิน-ดีเซล ในอัตรา 50-90 สตางค์/ลิตร โดยมีผลพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น
นายพรชัย กล่าวว่า การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันทุกชนิด (รวมถึงน้ำมันเตา) ลดลงประมาณวันละ 74.41 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 241.64 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 167.23 ล้านบาท โดยปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ติดลบอยู่ที่ 36,268 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 8,244 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 44,512 ล้านบาท
การประชุม กบน. วันนี้ได้มีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 72.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 85.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 88.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง
ด้าน บมจ.ไทยออยล์ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้ (13-19 มิ.ย.68) จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน ในขณะที่กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตต่ำกว่าที่ตลาดคาดใน เดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุม G7 ที่จะมีการหารือเรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีสหรัฐฯ และการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันโลก ขณะเดียวกันตลาดคาดเฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนมิถุนายน 2568
สำหรับราคาน้ำมันดิบ (6-12 มิ.ย.68) น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 4.67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 68.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 4.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 69.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 68.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังราคาได้รับแรงหนุนจากการที่จีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกรอบการทำงานด้านการค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าและแก้ไขข้อจำกัดด้านการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กของจีน ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซีย-ยูเครน ยังคงตึงเครียด และสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน รุนแรงขึ้น