สมเด็จฯ ฮุน เซน เตือนชาวเขมรอย่าหัวรุนแรง อ้างถูกสนธิ-จตุพรปั่นหัว โวถึงลาออกจากนายกฯ แต่ยังมีอำนาจอย่างมั่นคง อวดตำแหน่ง "เตโช" ที่พระมหากษัตริย์มอบให้ควรรู้ว่าเป็นใคร ส่วนอดีตแกนนำเสื้อแดงให้ใจเย็น อ้างเคยลี้ภัย ให้น้ำให้เลี้ยงดู
วันนี้ (16 มิ.ย.) สำนักข่าวเฟรชนิวส์ (Fresh News) ของกัมพูชา รายงานว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์เชิงนโยบายระหว่างการประชุมเต็มคณะวุฒิสภา เรียกร้องให้ประชาชนกัมพูชา อย่าแสดงพฤติกรรมหัวรุนแรงเหมือนไทยบางกลุ่มในกรุงเทพฯ ถูกปลุกปั่นโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และยังได้กล่าวถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงว่าให้ใจเย็น เพราะเคยลี้ภัยทางการเมืองอยู่กับตนมาก่อน
สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าวว่า นายสนธิต่อต้านประเทศกัมพูชามายาวนาน โดยมองว่าชาวเขมรเป็นศัตรูมาตลอดถึงปัจจุบัน แม้ตนจะถอนตัวจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังคงมีอำนาจอยู่ในกัมพูชาอย่างมั่นคง โปรดอย่าเข้าใจผิด สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังไม่สูญเสียอำนาจ คุณต้องรู้จักตำแหน่งเตโชที่พระมหากษัตริย์มอบให้ อย่าเย่อหยิ่งกับกัมพูชาและดูถูกกัมพูชา ตนปกครองและมีส่วนสนับสนุนการปกครองในกัมพูชามาเป็นเวลา 47 ปีแล้ว นายสนธิควรจะรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่
ส่วนนายจตุพรซึ่งเคยลี้ภัยในกัมพูชา ตอนนี้ร่วมมือกับนายสนธิ โปรดอ่อนน้อมถ่อมตนกว่านี้ ตอนแรกนายจตุพรและกลุ่มคนเสื้อแดงลี้ภัยมาอยู่กับตน ตนให้กินและเลี้ยงดู
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังกล่าวถึงนายสนธิ ที่เคยกล่าวว่า ประเทศไทยควรโจมตีกัมพูชาและยึดนครวัดเพื่อแลกเปลี่ยนกับปราสาทพระวิหาร ว่า "กัมพูชาไม่ใช่ประเทศที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ พวกคุณดูถูกประเทศเรามากเกินไปแล้ว"
สำหรับคำพูดดังกล่าว นายสนธิเคยกล่าวเรื่องเขาพระวิหารบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อปี 2554 ระบุว่า ถ้ามีนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง เมื่อมีการทำสงคราม ถ้าจะทำสงครามก่อนจะเจรจาต้องได้เปรียบก่อน ทางภูมิศาสตร์ต้องยีดครองอีกฝ่ายก่อน แต่ผู้นำของประเทศไทยช่วงหลังรับผลประโยชน์กัน นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่า ผ่านไป 40 ปี ตระกูลสมเด็จฯ ฮุน เซน ร่ำรวยมหาศาล แต่ประชาชนชาวกัมพูชายังเดือดร้อนยากจน ทำไมไม่สะท้อนตัวเองว่า ปกครองกัมพูชากี่ปีแล้ว ไม่สามารถทำให้ประชาชนชาวกัมพูชามีงานทำได้ ต้องมาทำงานที่ประเทศไทย