จัดหนักไม่พัก! ‘อิหร่าน’ สาดขีปนาวุธถล่ม ‘เทลอาวีฟ-ไฮฟา’ โวใช้กลยุทธ์ใหม่ทำระบบป้องกันของอิสราเอล ‘โจมตีกันเอง’

อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายในกรุงเทลอาวีฟและเมืองท่าไฮฟา (Haifa) ของอิสราเอลเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหายจำนวนมาก และกระพือความวิตกกังวลในหมู่ผู้นำชาติมหาอำนาจที่เข้าร่วมการประชุม G7 ในสัปดาห์นี้ว่าสงครามระหว่าง 2 คู่ปรับเก่าแห่งตะวันออกกลางอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายทั่วภูมิภาค

สำนักงานบริการฉุกเฉินแห่งชาติอิสราเอลยืนยันพบผู้เสียชีวิต 5 รายจากปฏิบัติการโจมตีล่าสุดของอิหร่าน ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอลตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (13) เพิ่มเป็น 18 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คนในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการแก้แค้นของอิหร่านที่ดำเนินต่อเนื่องมาแล้ว 4 วันหลังอิสราเอลเริ่มเปิดฉากยิงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธอิหร่านก่อน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยอิสราเอลลงพื้นที่ค้นหาและช่วยเหลือประชาชนในเมืองไฮฟาซึ่งมีผู้บาดเจ็บแล้วประมาณ 30 คน ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับท่าเรือเกิดเพลิงไหม้

คลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อแสดงให้เห็นขีปนาวุธหลายลูกพุ่งผ่านเหนือท้องฟ้ากรุงเทลอาวีฟ และมีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายระลอกทั้งที่เทลอาวีฟและนครเยรูซาเลม

อาคารที่พักอาศัยในย่านชุมชนของกรุงเทลอาวีฟถูกขีปนาวุธอิหร่านพุ่งเข้าโจมตี ขณะที่บ้านเรือนและโรงแรมหลายแห่งถูกแรงอัดจนกระจกแตก โดยจุดที่ขีปนาวุธไปตกนั้นอยู่ห่างจากสำนักงานสถานทูตสหรัฐฯ ไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลยืนยันว่า มีอาคารได้รับความเสียหายเล็กน้อย ทว่าไม่มีบุคลากรสถานทูตได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

การโจมตีที่เกิดขึ้นตอนรุ่งสางยังสร้างความเสียหายต่อตลาด Shuk HaCarmel ซึ่งเป็นตลาดในกรุงเทลอาวีฟที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวนิยมไปเลือกซื้อสินค้าจำพวกผักผลไม้สด และมีร้านอาหารและบาร์ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง

กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ประกาศว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้มีการนำกลยุทธ์ใหม่มาใช้ ซึ่งทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ซับซ้อนหลายชั้นของอิสราเอล “โจมตีกันเอง”

“ด้วยแนวทางริเริ่มและศักยภาพต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ ถึงแม้อิสราเอลจะได้รับการสนับสนุนอย่างครอบคลุมจากสหรัฐฯ และมหาอำนาจตะวันตก และมีเทคโนโลยีในการป้องกันที่ล้ำสมัยที่สุด แต่เราก็ยังประสบความสำเร็จในการทำให้ขีปนาวุธพุ่งโจมตีเป้าหมายในดินแดนที่ถูกยึดครองได้มากที่สุด” IRGC ระบุ


กองทัพอิสราเอลยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุโจมตีล่าสุดที่เกิดขึ้น ทว่าเจ้าหน้าที่อิสราเอลเคยชี้แจงย้ำหลายครั้งว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอเอิร์น โดม” ไม่สามารถสกัดขีปนาวุธที่ยิงเข้ามาได้ 100% พร้อมเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่ยากลำบากในอีกหลายวันข้างหน้า

“ผู้นำเผด็จการในเตหะรานกำลังกลายเป็นฆาตกรขี้ขลาดที่ล็อกเป้าโจมตีบ้านเรือนประชาชนในอิสราเอล เพื่อทำให้กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ไม่อาจเดินหน้าโจมตีศักยภาพของพวกเขาที่กำลังพังทลายลงได้” อิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหอิสราเอล ระบุในถ้อยแถลง

“ประชาชนในเตหะรานจะต้องเป็นผู้ชดใช้ และในอีกไม่นานนี้หรอก” เขาขู่สำทับ

ด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขอิหร่านแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตในอิหร่านเพิ่มเป็นอย่างน้อย 224 คน และ 90% เป็นพลเรือน

การประชุมของผู้นำกลุ่ม G7 ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นที่รีสอร์ตแถบเทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดาในวันอาทิตย์ (15) โดยการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านคาดว่าจะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย

นายกรัฐมนตรี ฟรีดริช แมร์ซ แห่งเยอรมนี ระบุว่า เป้าหมายของตนสำหรับการประชุม G7 ครั้งนี้คือผลักดันไม่ให้อิหร่านสามารถพัฒนาหรือครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ รับรองสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้ง และเปิดพื้นที่สำหรับคลี่คลายความขัดแย้งผ่านการเจรจาทางการทูต

“เรื่องนี้จะเป็นวาระสำคัญในการประชุม G7” แมร์ซ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ขณะเดียวกัน สื่อสหรัฐฯ ได้สอบถามประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนจะออกเดินทางไปร่วมประชุม G7 ที่แคนาดาว่า เขาจะยื่นมือเข้าไปช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียดหรือไม่? ซึ่ง ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ผมหวังว่าพวกเขาจะตกลงกันได้ ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีข้อตกลง”

“บางครั้งพวกเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา” ทรัมป์ กล่าวทิ้งท้าย

อิหร่านได้แจ้งผ่านผู้เจรจาไกล่เกลี่ยในกาตาร์และโอมานว่า พวกเขาจะไม่เจรจาหยุดยิงเด็ดขาดตราบใดที่ยังถูกอิสราเอลโจมตีอยู่ ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยกับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (15)

ที่มา: รอยเตอร์