xs
xsm
sm
md
lg

"ปานเทพ" จี้เปิดวิดีโอประชุม JBC พ่วง 7 ข้อเรียกร้อง หนุนทหารใช้กฎอัยการศึกถ้าผู้นำ 2 ชาติเอื้อกัน ขู่รบ.ไม่แก้ถึงเวลาเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"อ.ปานเทพ" จี้ ไทยเปิดวิดีโอบันทึกประชุม JBC ลั่นหนุน ทหารประกาศกฎอัยการศึก ถ้าพบผู้นำทั้ง 2 ประเทศเอื้อกัน ขู่ ถ้ารัฐบาลไม่แก้ไข ก็คงถึงเวลาเปลี่ยน พร้อมชง 7 ข้อเรียกร้องให้ดำเนินการ

วันนี้ (16 มิ.ย. 68) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แถลงข่าวเกี่ยวกับปมข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยว่าตนเองมีข้อห่วงใยและข้อสังเกตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายประเด็น ประเด็นแรกคือก่อนการประชุม JBC และก่อนเข้าประชุมเวทีใหญ่มีความคลุมเครือตั้งแต่แรก โดยเฉพาะกรณีประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่รัฐบาลเลือกให้กลับมาเป็นประธาน JBC ซึ่ง นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ท้วงติงก่อนหน้านี้ รวมถึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัว แต่รัฐบาลยังนิ่งเฉย นั่นหมายความว่าถ้าผลลัพธ์เป็นอย่างไรรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย

และยังมีข่าวจากนายวีระอีกว่าข้อความในไลน์กลุ่มที่มีประธานคณะ กมธ. อยู่ด้วย ยึดมั่นในแผนที่มาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสน ซึ่งเป็นอันตรายมากเพราะแผนที่ดังกล่าวมีการรุกล้ำเกินขอบหน้าผาตามเขตแดนและแนวสันปันน้ำหลายพื้นที่ โดยอ้างว่าฝ่ายไทยจะได้เปรียบกว่า 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งหากฝ่ายไทยมีแผนที่หนึ่งต่อสองแสน และจะรุกเข้าไปฝั่งกัมพูชาจะเป็นพื้นที่ราบหรือหุบเหว ซึ่งเราไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นเมื่อมีข้อเรียกร้อง ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้รัฐบาลก็ยังไม่ได้ตรวจสอบประเด็นนี้

และเมื่อประชุมกันเสร็จแล้วฝ่ายไทยกลับยอมให้มีการแถลงข่าวแยกแทนที่จะแถลงพร้อมกันให้ได้ข้อยุติเพื่อทำให้เกิดความสงสัย แต่กลับมีข่าวออกมาว่าประธานทั้งสองฝ่ายลงนามในบันทึกการประชุมครั้งนี้แล้วแต่ไม่เปิดเผย และยังฉลองด้วยการชนแก้วแชมเปญ แสดงความยินดีต่อกันและกันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ซึ่งการไม่เปิดเผยทำให้เกิดข้อสงสัยในบันทึกที่เกิดขึ้นว่าเซ็นอะไร และทำให้เห็นว่าฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำ รู้ไม่เท่าทันฝ่ายกัมพูชาที่ปล่อยให้แถลงข่าวก่อน
ซึ่งเหตุผลข้างต้นนายปานเทพมองว่า สถานการณ์เป็นอันตราย จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารการประชุมที่ลงนามระหว่างไทย-กัมพูชา ขอให้เปิดเผยวิดีโอหากมีการบันทึกไว้ขณะประชุม และขอให้เปลี่ยนตัวประธาน JBC คนปัจจุบัน ให้ผู้ที่มีความรู้ และรู้ทันกัมพูชามาทำหน้าที่แทน รวมถึงเรียกร้องขอให้ยกเลิก MOU 2543 ทางบกทั้งหมด และให้ JBC ประชุมกันใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจที่ตกลงกันโดยไม่ให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบหรือถูกตีความว่าไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสน

นอกจากนี้ ขอให้ยกเลิก MOU 2544 เรื่องเขตแดนหรือเส้นไหล่ทวีปทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา เนื่องจากไม่มีข้อพิพาทหรือทับซ้อนจากเส้นมัธยฐานตามกฎหมายทะเลสากล แต่ไปยึดเส้นมัธยฐานของไทยตามพระบรมราชโองการ และไปยอมรับการเจรจาในสิ่งที่กัมพูชาเรียกร้องให้เส้นไหล่ทวีป รุกน่านน้ำภายในรอบเกาะกูดและบริเวณโดยรอบ

“ผมขออย่าแทรกแซงการตัดสินใจของฝ่ายกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ด่าน เมื่อสภาความมั่นคงแห่งชาติมอบอำนาจให้กองทัพ รัฐบาล ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีความสัมพันธ์เชิงญาติกับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องไม่แทรกแซงเรื่องนี้ วันนี้เมื่อเราให้โอกาสรัฐบาลแก้ไข ก็ต้องให้เวลา หากรัฐบาลไม่ทำ หรือทำให้เสียประโยชน์ชาติ ก็ไม่รู้ว่าจะมีรัฐบาลไว้ทำไม และก็ถึงเวลาเปลี่ยนรัฐบาล”นายปานเทพ ระบุ

สรุป “อาจารย์ปานเทพ“ ยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อให้รัฐบาลดำเนินการ

1. ให้เปิดเผยเอกสารการลงนามไทย-กัมพูชาในการประชุม JBC ครั้งที่ผ่านมา ถ้าไม่มีการลงนามให้ยืนยัน หรือเปิดเผยภาพ-เสียงวิดิโอบันทึกการประชุม เพื่อพิสูจน์ว่ามีการยอมรับแผนที่ 1: 200,000 และไม่ปฏิเสธการยื่นศาลโลกของกัมพูชาหรือไม่
2. เปลี่ยนตัวประธาน JBC ฝ่ายไทย จากนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ รักชาติ มีไหวพริบทันเกมกัมพูชา
3. ยกเลิก MOU 2543-2544 และใช้เวทีหรือกลไกทวิภาคีอื่นๆ แทน เพราะเห็นว่า MOU ทั้ง 2 ฉบับทำให้ไทยเสียเปรียบทั้งพื้นที่ทางบก และทางทะเล
4. ประท้วงพื้นที่ 4 จุดที่กัมพูชานำไปยื่นต่อศาลโลกว่าเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชานำไปอ้างว่าทางการไทยไม่เคยประท้วง 4 พื้นที่ดังกล่าว
5. ยุติการแทรกแซงกองทัพในการตัดสินใจ เช่นการปิด-เปิดด่าน ไม่ควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว พร้อมกันนี้ยังให้สนับสนุนกองทัพตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า และห้ามนักพนันไทยเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิNo ในกัมพูชา รวมถึงตัดสัญญาณโทรคมนาคมแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
6. หากรัฐบาลยังแทรกแซงกองทัพที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย สนับสนุนให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก
7. หากกรณีการลงนามใดที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา รวมถึงการไม่ให้สัตยาบรรณ หรือยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับที่เป็นเสี้ยนหนามของแผ่นดินให้หมดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น