พิธีสวนสนามของกองทหารขนาดใหญ่ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใฝ่ฝันที่จะจัดขึ้นในอเมริกามาตั้งแต่รับตำแหน่งสมัยแรก เกิดขึ้นจริงแล้วที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันเสาร์ (14 มิ.ย.) โดยได้รับระบุอย่างเป็นทางการว่าเนื่องในวาระครบรอบ 250 ปีกองทัพสหรัฐฯ ขณะที่ในวันดังกล่าวก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของทรัมป์ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง คนอเมริกันนับล้านพากันออกมาชุมนุมเดินขบวนประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการและมาตรการลิดรอนสิทธิเสรีภาพต่างๆ ของทรัมป์ ถือเป็นการแสดงความไม่พอใจเขาครั้งมโหฬารที่สุดนับจากที่ประธานาธิบดีผู้นี้เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
พิธีสวนสนามของกองทหารในวันเสาร์ ปรากฏว่าต้องเริ่มต้นขึ้นก่อนกำหนดเนื่องจากมีการพยากรณ์อากาศว่า จะมีฝนฟ้าคะนองในวอชิงตัน ดีซี
ขบวนแถวรถถัง ยานยนต์หุ้มเกราะ และปืนใหญ่ เคลื่อนผ่านถนนคอนสติติวชันอะเวนิว ที่มีผู้คนเรือนพันเรือนหมื่นเรียงรายเฝ้าชมตลอดเส้นทาง รวมถึงกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง ขณะที่ตัวทรัมป์เชมพิธีจากอัฒจันทร์ยกระดับกางกั้นด้วยกระจกกันกระสุน
รายงานระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ นำทหารไปสวนสนามที่กรุงวอชิงตันครั้งนี้เกือบ 7,000 นาย ยานยนต์อีก 150 คัน ที่รวมถึงรถถังขนาดหนัก เอบรามส์ เอ็ม1 กว่า 25 คัน ยานยนต์หุ้มเกราะสไตรเกอร์ 28 คัน ฯลฯ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า พิธีนี้มีค่าใช้จ่ายระหว่าง 25-45 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในพิธี ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนค่าที่พักและอาหารของทหาร
ตั้งแต่รับตำแหน่งสมัยแรกแล้ว ทรัมป์นั้นใฝ่ฝันและแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า อยากให้จัดพิธีสวนสนามของกองทหารขนาดใหญ่ขึ้นในกรุงวอชิงตัน แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ในมอสโกและเปียงยาง รวมทั้งในปารีสเนื่องในวันชาติฝรั่งเศส โดยพิธีสวนสนามครั้งล่าสุดที่อเมริกาจัดขึ้นมานั้น ต้องย้อนหลังไปถึงช่วงสิ้นสุดสงครามอ่าวอาหรับในปี 1991
มีผู้คนมากมายวิจารณ์ว่า พิธีสวนสนามเช่นนี้เป็นการแสดงอำนาจของผู้นำเผด็จการ และสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ พร้อมกับอ้างอิงถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ประกาศว่าต้องการลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานทั้งหมดของรัฐบาลกลาง
นอกจากนั้นก่อนที่พิธีสวนสนามครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ประชาชนนับแสนนับล้านคนได้นัดหมายออกมาชุมนุมเดินขบวน ทั้งในกรุงวอชิงตันและเมืองอื่นๆ ทั่วอเมริกาเพื่อประท้วงนโยบายด้านต่างๆ ของทรัมป์ ถือเป็นการออกมาแสดงพลังต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม
แกนนำที่จัดการประท้วงคราวนี้ใช้ชื่อว่า “No Kings” โดยมุ่งให้หมายความว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” พวกเขาวางแผนจัดการชุมนุมเกือบ 2,000 จุดทั่วประเทศพร้อมๆ กับพิธีสวนสนาม และประกาศว่า มีฝูงชนเข้าร่วมนับล้าน ขณะที่ผู้ว่าการรัฐต่างๆ พากันเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ พร้อมเตือนว่า จะไม่ยอมให้เกิดความรุนแรงเด็ดขาด และบางรัฐโดยเฉพาะที่ผู้ว่าการสังกัดพรรครีพับลิกัน ยังได้นำสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนลการ์ด) ออกมาควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนการชุมนุม
ถึงแม้การชุมนุมส่วนใหญ่ดำเนินไปอย่างสันติ แต่สถานการณ์ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีการประท้วงต่อต้านการบุกจับผู้อพยพของรัฐบาลกลางมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนนั้นยังคงตึงเครียด โดยก่อนที่คำสั่งเคอร์ฟิวในย่านดาวน์ทาวน์จะเริ่มต้นขึ้นราว 1 ชั่วโมง ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดแฟลช และกระสุนที่ไม่อันตรายถึงชีวิต ทำให้ฝูงชนแตกตื่นและหนีกระจัดกระจาย
ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สมาชิกกลุ่มพราวด์บอยส์ ซึ่งเป็นกลุ่มขวาจัดที่สนับสนุนทรัมป์ ไปปรากฏตัวในที่ชุมนุมของผู้ประท้วงโนคิงส์
เอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนที่ประท้วงอยู่หน้าอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
ที่ซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ ตำรวจกำลังสอบสวนเหตุยิงกันที่มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนระหว่างที่มีการเดินขบวนในย่านดาวน์ทาวน์ โดยมีผู้ถูกควบคุมตัว 3 คน ซึ่งรวมถึงผู้ต้องสงสัยที่ถูกยิงบาดเจ็บเล็กน้อย
รายงานระบุว่า ผู้คนมากมายออกมาเดินขบวน เต้นรำ และตะโกนต่อต้านรัฐบาลในนิวยอร์ก เดนเวอร์ ชิคาโก ออสติน และลอสแองเจลิส ขณะสถานที่ชุมนุมในแอตแลนตาวซึ่งจำกัดผู้เข้าร่วมไม่เกิน 5,000 คน เต็มอย่างรวดเร็ว ทำให้คนนับพันต้องชุมนุมนอกแนวกั้นเพื่อฟังการปราศรัย และเจ้าหน้าที่ในเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ประเมินว่า มีประชาชนกว่า 70,000 คนเข้าร่วมการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของเมืองซึ่งจัดขึ้นในย่านดาวน์ทาวน์
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี)