xs
xsm
sm
md
lg

ทหารเรตติ้งพุ่ง โพลนิด้าชี้ กองทัพ ประชาชนวางใจเหนือรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นิด้าโพลเผย ปชช.มั่นใจกองทัพมากกว่ารัฐบาล แก้ปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา ขณะที่เจบีซีหารือคืบหน้า ย้ำใช้กลไกทวิภาคี ประชาชน 62.52% ไว้วางใจกองทัพมากสุด ส่วนรัฐบาล 37.48% ไม่ไว้วางใจเลย

แม้การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ จะยังไม่มีการเอาประเด็นข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ตามแนวชายแดนมาหารือ แต่การประชุมในวาระอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าที่น่าสนใจเช่นกัน โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กลไกการหารือทางการทูต ยังเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติสากลในการแก้ไขปัญหาตามที่สหประชาชาติกำหนด โดยกลไกเจบีซีและกลไกอื่นๆก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สะตึงบท) เป็นต้น และกลไกเหล่านี้ก็สะท้อนถึงประสิทธิผลของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ขอย้ำว่า บรรยากาศการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยดีทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาและเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นจะมีการแจ้งสรุปผลการประชุมให้รับทราบต่อไป

นายนิกรเดช ย้ำว่า ตามที่มีคำถามมาที่ตนค่อนข้างมากเรื่องเกี่ยวกับประเด็นเรื่องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไทยไม่ได้รับเขตอำนาจของ ICJ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันมาโดยตลอด ดังนั้น จึงขอย้ำว่าไทยต้องการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี ที่มีอยู่แล้ว รวมถึงการหารือทางการทูต เนื่องจากเรามั่นใจว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด

สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนและจุดผ่านแดนต่างๆ มีประเด็นที่ต้องจับตาสองส่วน ได้แก่ 1.กรณีทหารกัมพูชาหันกระบอกปืนใหญ่เข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่ปราสาทโดนตรวนและสัตตะโสม บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ไทยพบการวางกำลังกัมพูชาหลายจุดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาวุธยิงสนับสนุน ที่มีระยะยิงถึงพื้นที่ในอธิปไตยของไทย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง ฝ่ายไทยจึงได้มีการปรับการวางกำลังเตรียมกำลังให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์เช่นกัน

2.บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตลอดทั้งวันทางหน้าด่านฝั่งกัมพูชา เปิดเพียงประตูเล็กให้คนเดินข้ามพรมแดน ส่วนรั้วประตูใหญ่ที่เปิดสำหรับรถขนส่งสินค้าข้ามยังคงปิดเงียบ ส่งผลให้รถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่บางส่วน ได้ติดต่อขอเปลี่ยนแปลงเอกสาร เพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปออกทางด้านจุดผ่อนปรน บ้านซับตารี ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี แทน เนื่องจากยังคงเปิดให้รถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ข้ามพรมแดนได้ จึงไม่มีรถขนส่งสินค้าตกค้าง

นายรัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพัชระ นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี เปิดเผยว่า ถ้าหากเกิดสถานการณ์ลักษณะนี้ต่อไปโดยไม่มีกำหนดในระยะยาวนี้ อาจจะเกิดผลกระทบในเรื่องเศรษฐกิจทั้งสองฝั่งแน่นอน แล้วส่งผลกระทบต่อประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งพ่อค้าไทย-กัมพูชา ทั้งประชาชน ที่ค้าขาย รวมไปถึงด้านความเป็นอยู่ของทางฝั่งกัมพูชา การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีกับการพูดคุยกันคือ เรื่องที่ดีที่สุด คือสิ่งที่เราเห็นมาแล้วว่า การเกิดสงครามการสู้รบกัน จะเกิดความเสียหาย สุดท้ายเลยก็คือพี่น้องประชาชน อาจจะสูญเสียถึงชีวิต ตลอดจนหน่วยทหารที่อยู่แนวหน้าทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

ผลการสำรวจดังกล่าวระบุว่า เมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่าง ๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า 1.กองทัพตัวอย่าง ร้อยละ 62.52 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 23.74 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ และร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย

2.รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 37.48 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 18.85 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ และร้อยละ 11.99 ระบุว่า ไว้วางใจมาก

3.กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ รองลงมา ร้อยละ 30.76 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย ร้อยละ 22.90 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น