บุรีรัมย์- ชาวบ้านแนวชายแดน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เริ่มทยอยขายวัว ควายแม้ได้ราคาต่ำ เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุปะทะและจำเป็นต้องอพยพไปที่ปลอดภัย จะได้ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง ลุ้นการประชุม JBC จะมีทางออกที่ดีไม่เกิดการสู้รบกัน
วันนี้ (14 มิ.ย.68) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศชาวบ้านที่บ้านสายโท 11 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3-4 กิโลเมตร และเคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา จนต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนไปอยู่ศูนย์พักพิง เมื่อปี 2554 ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะกันล่าสุด ที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และรอลุ้นผลการเจรจาของผู้นำทั้งสองประเทศ ที่ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC “ในวันนี้ 14 มิถุนายน 68 ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งชาวบ้านต่างก็คาดหวังว่าการประชุม JBC ครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะมีทางออกร่วมกันอย่างสันติ ไม่เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การสู้รบกัน เพราะหากมีการสู้รบขึ้นจริง จะส่งผลกระทบกับประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งการทำมาหากินและการดำรงชีพ ก็จะลำบากและเสี่ยงอันตราย
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุปะทะกันที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจบลงอย่างไร ก็สร้างความกังวลใจให้ชาวบ้านแนวชายแดน โดยเฉพาะชาวบ้านหลายหมู่บ้านในตำบลสายตะกู ที่เคยมีลูกกระสุนปืนตกในพื้นที่เมื่อปี 2554 ถึง 120 ลูกต่างก็ใช้ชีวิตด้วยความกังวล เกรงจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก หลายครัวเรือนที่เลี้ยงวัว ควายไว้จึงได้ทยอยขายออก แม้จะได้ราคาต่ำเฉลี่ยตัวละ 6,000-8,000 บาทก็ตาม จากที่ราคาซื้อขายตามท้องตลาดช่วงนี้จะต้องอยู่ที่ตัวละไม่ต่ำกว่า 10,000 ถึง 20,000 บาทขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว แต่ก็จำใจต้องขาย เพราะไม่อยากกังวลหากเกิดเหตุสู้รบขึ้นและต้องอพยพออกนอกพื้นที่จริง ก็จะได้ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง
ขณะที่ผู้สูงอายุบางครอบครัวที่ลูกหลานทำงานต่างจังหวัด ก็ได้ลงทุนซื้อท่อปูนซีเมนต์ และดินทำบังเกอร์หลบภัยไว้ภายในบริเวณบ้านของตัวเอง เพื่อไว้หลบภัยก่อนที่จะมีการอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย