xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลานับถอยหลัง “เนต้าไทย” ดีลเลอร์ลดกระหน่ำก่อนเลิกขาย ผู้ใช้รถสุดทนปัญหา “ป้ายขาว-อะไหล่ขาด-ศูนย์บริการปิด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แม้ทาง “บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด”จะแถลงการณ์และให้สัมภาษณ์ยืนยันหลายครั้งว่า จะเดินหน้าจำหน่ายรถในประเทศไทยต่อไป โดยไม่ถอนทัพหนีเหมือนกับที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถลบวิกฤติศรัทธาของผู้ใช้รถที่ต่อแบรนด์ เพราะยิ่งนานวันปัญหาก็ยิ่งปรากฏให้เห็นมากเป็นลำดับ

โดยเฉพาะ 3 ปัญหาสำคัญคือ 1.ปัญหาไม่สามารถจดทะเบียนป้ายขาวได้ 2.ปัญหาอะไหล่ขาดและ 3.ปัญหาศูนย์บริการปิดตัวหรือปฏิเสธเคลม”

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวสำคัญก็คือ การที่กลุ่มผู้ใช้รถเนต้าเข้ายื่นหนังสือต่อสภาผู้บริโภคเพื่อแก้ทั้ง 3 ปัญหาข้างต้น และยืนยันว่า ถ้าหากไม่มีคำชี้แจงจากทางเนต้า ก็พร้อมจะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ธนพันธุ์ คงเจริญผู้ประสานงานผู้เสียหายจากกรณีใช้รถไฟฟ้าเนต้า ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันผู้ใช้รถยนต์เนต้าในประเทศไทย มีประมาณ 25,000 คัน โดยปัญหาเริ่มต้นประมาณปี 2567 ที่บริษัทแม่ที่ประเทศจีนประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่อง

ทั้งนี้ สำหรับปัญหาการเคลมอะไหล่ทั้งส่วนที่เป็นระบบขับเคลื่อนและชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์นั้น ไม่สามารถทำได้ หรือทำได้ล่าช้าเนื่องจากศูนย์ไม่มีชิ้นส่วนอะไหล่ ต้องรอของจากบริษัทแม่ ถึงแม้ในช่วงหลังจะมีของเข้ามาบ้าง แต่ก็เพียงพอกับจำนวนรถยนต์ที่มีปัญหา จึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่รถยนต์เสียหาย โดยเฉพาะปัญหาเรื่องระบบขับเคลื่อนจึงไม่สามารถใช้งานได้ และยังต้องจอดรอซ่อมอยู่ที่ศูนย์บริการโดยไม่ได้รับค่าขาดประโยชน์ หรือการชดเชยใด ๆ จากบริษัท

ปัญหาที่ตามมาคือผู้บริโภคถูกปฏิเสธการซ่อมจากศูนย์ เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ซื้อรถจะสามารถนำรถเข้าไปใช้บริการในศูนย์ของเนต้าได้ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าศูนย์ที่ซื้อมาเท่านั้น แต่เมื่อศูนย์บริการหลายแห่งปิดตัวลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของบริษัทแม่ ทำให้เกิดปัญหาว่าศูนย์ที่ยังไม่ปิดตัวมีรถเข้าไปขอเคลมเป็นจำนวนมาก จึงปฏิเสธไม่ให้ผู้บริโภคที่ซื้อจากศูนย์อื่นเคลม จึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องนำรถไปซ่อมในอู่ข้างนอก ซึ่งจะทำให้บริษัทใช้เป็นข้ออ้างได้ว่ารถที่ซ่อมจากอู่ข้างนอกนั้นหมดประกันกับบริษัทแล้ว

ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้เสียหายจากกรณีใช้รถไฟฟ้าเนต้าเรียกต้องก็คือ

1) การแก้ไขปัญหาบริการหลังการขายและการหล่ออะไหล่แบบไม่มีกำหนด ทั้งชิ้นส่วนของรถยนต์ และระบบขับเคลื่อนอื่น ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน

2) แก้ปัญหาเรื่องการจดทะเบียนป้ายขาวให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน

3) ให้มีบริการเสริมตามสัญญา เช่น ที่ชาร์จแบบติดผนัง (Wall Chart) และคู่มื่อการใช้งานต่าง ๆ

4) กำหนดการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งเรื่องไม่ได้รับการบริการด้านอะไหล่และเรื่องการจดทะเบียน

5) ขอให้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการปัญหาเรื่องศูนย์บริการที่ปิดตัวลงโดยเฉพาะต่างจังหวัด เพื่ออํานวยความสะดวกผู้ใช้บริการ 6) ขอให้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ทำสัญญารับประกันการเคลมภายใน 1 เดือน และ 7) หากบริษัทไม่ดำเนินการต่อในประเทศไทย ขอให้รับซื้อรถคืนจากผู้บริโภคทุกคนและชดเชยเยียวยาค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคทุกกรณี

ด้านอิฐบูรณ์ อ้นวงษารักษาการเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทําให้สภาพอุตสาหกรรมของยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย โดยรวมขาดความเชื่อมั่นขาดความน่าเชื่อถือ เรื่องนี้จึงนับว่าเป็นปัญหาที่ส่งเสียต่อภาพลักษณ์โดยรวมของการส่งเสริมสนับสนุนยานยนต์ของพลังงานไฟฟ้าสะอาด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า อยู่ภายใตมาตรการการส่งเสริมของพลังงานสะอาดซึ่งประเทศไทยรัฐบาลไทยได้ทําข้อตกลงกับสหประชาชาติในการที่จะดําเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดปัญหาภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมดังกล่าวจะต้องมีการกํากับมาตรฐาน ทั้งผลิตภัณฑ์ความปลอดภัย และที่สําคัญที่สุดคือ การดูแลผู้บริโภค บริการหลังการขาย

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดกฎหมายที่สําคัญ คือกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้า ซึ่งจะทําให้เกิดมาตรฐานในการกําหนดวันและเวลาในการเคลมสินค้าหรือดูแลรับผิดชอบสินค้า ทั้งการเปลี่ยน คืนหรือซ่อมสินค้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาผู้บริโภคได้จัดทําร่างกฎหมาย “ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า” หรือ “เลมอน ลอว์” และทํางานร่วมกับทางกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันกฎหมายดังกล่าวและคาดหวังว่ารัฐบาลจะตอบรับในข้อกฎหมายฉบับนี้ด้วย


นอกจากนั้น จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า สถานการณ์ของเนต้ายังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายหลังที่ดีลเลอร์เนต้า ปิดตัวไปหลายราย ด้วยดีลเลอร์ที่เหลืออยู่ต่างนำรถ NETA V II มาเคลียร์สต็อกล็อตสุดท้าย หลังจากสถานการณ์บริษัท ไม่มีความชัดเจนในการทำธุรกิจ โดยลดแลกแจกแถมอย่างจุใจ แถมบางรายยังใช้ “อู่” ช่วยในการการขายอีกต่างหาก ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสารบบรถยนต์เมืองไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ข่าวลือเรื่องเนต้าจะเลิกกิจการในไทยโหมกระพือราวกับไฟลามทุ่ง และฉุดสถานการณ์ให้เลวร้ายหนักไปอีก ไม่นับรวมถึงการที่“บริษัท นครชัยศรี ออโตโมบิล จำกัด”ที่เนต้าแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลการบริหารจัดการ เริ่มไม่มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจกับค่ายจีนรายนี้แล้ว

ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากทางเนต้าเองก็มีให้เห็นบ้าง เช่น การออกมาประกาศย้ำเตือนผู้บริโภคให้หลีกเลี่ยงการซื้อรถยนต์จากตัวแทนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันปัญหาหมดประกันและขาดบริการหลังการขาย

พร้อมยืนยันว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ไม่ได้มีการเสนอส่วนลดรถยนต์เนต้าชแต่อย่างใด ดังนั้น หากซื้อรถยนต์เนต้าที่ต่ำกว่าราคาที่บริษัทฯ กำหนดไว้
จากผู้จำหน่ายที่ไม่ได้รับแต่งตั้งจากทางบริษัทฯ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะไม่ได้รับการรับประกันหรือบริการหลังการขายจาก บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด


ปัญหาทั้งหลายทั้งปวง ทำให้ ณ ขณะนี้ดีลเลอร์ของเนต้าลดลงไปเป็นลำดับ จากเดิมในเดือนมีนาคมที่มีอยู่ราว 66 ราย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเหลือเพียงแค่ 53 ราย และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพนักงานของบริษัทที่เหลืออยู่ประมาณ 40 คนและมีแนวโน้มที่จะลดลงอีก

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ตลอดช่วงระยะเวลาที่เนต้าเผชิญวิกฤตครั้งใหม่ มีความพยายามจากทีมผู้บริหารชาวจีนที่จะติดต่อกลุ่มทุนไทยหลายราย เพื่อนำเสนอขายกิจการ โดยมีตัวเลขมูลค่าตั้งแต่ 1,200-2,000 ล้านบาท แต่ดีลไม่สามารถจบได้ เนื่องจากสถานการณ์ของเนต้าในประเทศไทยถูกประเมินว่า ยากที่จะไปต่อได้
กำลังโหลดความคิดเห็น