วุฒิสภาประกาศไลฟ์สดประชุมพิจารณางบประมาณ 69 หวังโปร่งใส รับฟังเสียงประชาชน สว.ย้ำไม่เหมือน สส. พร้อมเปิดให้ ปชช. ร่วมแสดงความเห็น ตรวจสอบงบประมาณรัฐบาล ชี้เป็นมิติใหม่ หวังพัฒนาประเทศ ตอบโจทย์ทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และภัยพิบัติ
วุฒิสภาที่โดนเสียงวิจารณ์ว่ามักทำอะไรตามใบสั่งจากใครบางคน ปรากฎว่าล่าสุดมาแนวใหม่ประกาศชัดเจนว่าจะเปิดให้มีการไลฟ์การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของวุฒิสภา เพื่อหวังจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้น
ในเรื่องนี้นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า แม้ส.ว.ไม่มีอำนาจในการขอลดหรือเพิ่มงบประมาณแต่อย่างใด แต่มีดำริจากนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ว่า เราจะมีการเพิ่มมิติในการพิจารณางบประมาณปี 69 และ 70 ให้แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา เพราะงบประมาณแผ่นดินที่มีความสำคัญต่อการบริหารประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ดังนั้น สว. จึงมีนโยบาย ดังต่อไปนี้ 1. การสร้างภาพลักษณ์การทำงานของ สว. ให้เกิดความโปร่งใส และมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนเห็นการพิจารณา สามารถแสดงความคิดเห็นว่า งบประมาณที่รัฐบาลนำเสนอตอบโจทย์หรือไม่ มีการให้ภาคประชาชน ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณา หรือนำเสนองบประมาณ ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค. ณ ห้องประชุมสัมมนา ชั้น B1 อาคารรัฐสภา 2.ต้องทำงานเชิงรุก และ 3.มิติใหม่ในการพิจารณางบประมาณ โดยใช้หลักเกณฑ์ภัยด้านต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านความมั่นคง และด้านการแก้ไขปัญหาด้านภัยพิบัติ และทรัพยากรธรรมชาติ
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ทาง สว.ได้มีการประชุมกัน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า ต้องการเปิดให้มีการไลฟ์สดออนไลน์จากในห้องประชุม ผ่านทั้งทางเฟซบุ๊กและยูทูป ตั้งแต่ที่หน่วยงานต่างๆ เข้ามาชี้แจง และ สว.สอบถาม เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงว่า งบประมาณที่ทางรัฐบาลจัดสรรมานั้น ตรงกับความต้องการของเขาหรือไม่ เราจะไม่เหมือนกับทาง สส.
ขณะที่ นายอลงกต วรกี สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวว่า ส.ว.ทราบถึงการไลฟ์สดแล้วจะไม่รับเอกสิทธิ์แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพื่อนส.ว.จึงยอมเสี่ยงที่จะรับผิดชอบตนเองในการซักถาม หรือมีข้อสงสัยกับหน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ย้ำว่า เรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และบ้านเมืองเป็นหลักควบคู่กันไป