xs
xsm
sm
md
lg

เขมรระส่ำหลังมาตรการปิดด่าน ชี้ยิ่งยื้อสองพ่อลูก "ตระกูลฮุน" ยิ่งลำบาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“อ.ทรงฤทธิ์” ชี้ เกมพลิก จากที่รุกดินแดนไทยเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมในกัมพูชา กลบวิกฤตศรัทธาจากการแก้ปัญหาปากท้องที่ล้มเหลวของ “ฮุน มาเนต” กลายเป็นวิกฤตศรัทธาซ้ำซ้อน เหตุ ปิดด่านทำสินค้าขาดแคลน ราคาปรับตัวสูงขึ้น แรงงานเขมรขาดรายได้-ข้ามมาทำงานฝั่งไทยลำบาก ครั้นผู้นำกัมพูชาเดินสายขอความสนับสนุนจากลาว-เวียดนาม ก็ไม่มีใครเอาด้วย ขณะที่จีนเบรกแรง ห้ามเกิดข้อพิพาทในภูมิภาค หวั่นกระทบโปรเจค "Belt and Road” ระบุ ยื่งยื้อเกมยาวสองพ่อลูก “ตระกูลฮุน” ยิ่งลำบาก เพราะประเทศไทยไม่ใช่กิจการของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

จากภาพข่าวที่ประชาชนชาวเขมรแสดงความไม่พอใจตำรวจทหารบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชาขณะปฏิบัติการปิดด่าน เนื่องจากไม่สามารถข้ามมาทำมาหากินและซื้อข้าวของในฝั่งไทยได้ อีกทั้งยังต่อว่าทหารกัมพูชาที่รบกับฝ่ายไทยว่าเป็นสาเหตุให้ประชาชาเดือดร้อน เพราะราคาข้าวของที่แพงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายอยากรู้ว่าสถานการณ์ในกัมพูชาหลังมาตรการปิดด่านไทย-กัมพูชาเป็นอย่างไร และจะส่งผลต่อการเจรจาเรื่องดินแดนที่ทำลังเป็นข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาหรือไม่ อย่างไร ?


อาจารย์ทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งติดตามสถานการณ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในกัมพูชามายาวนาน วิเคราะห์ว่า มาตรการปิดด่านของไทยในขณะนี้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจที่กัมพูชากำลังเผชิญอยู่ เนื่องจากเบื้องหลังที่ทำให้กองทัพกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยก็เพราะรัฐบาลที่นำโดยนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของชาวกัมพูชาจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ โดสร้างกระแสให้ชาวกัมพูชาหันมาพุ่งประเด็นเรื่องชาตินิยมแทน

ทั้งนี้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในกัมพูชานั้นมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งจากวิกฤตการค้าการลงทุนของนักธุรกิจจีนในกัมพูชาที่ลดน้อยลงเนื่องจากวิกฤตโควิดและมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริก จากเดิมที่คนกัมพูชาได้ประโยชน์จากทุนจีนในเรื่องการจ้างงานจากโรงงานต่างๆ รวมถึงการจ้างงานในแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดจากลงทุนของจีน เช่น สีหนุวิลล์ เมื่อสีหนุวิลล์ซบเซาลงก็ทำให้การจ้างงานชาวกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งมีอยู่ประมาณ 500,000 อัตราหายไปด้วย ตามด้วยการที่นายดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนถึง 145% ทำให้จีนส่งสินค้าไปขายในสหรัฐได้น้อยลงจึงต้องลดกำลังการผลิตในกัมพูชาลง ส่งผลให้แรงงานกัมพูชากว่า 800,000 คนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงทำให้แรงงานกัมพูชาหลั่งไหลเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมาทะเลาะกับไทยอีกนายจ้างไทยก็อาจจะไม่ต่อสัญญาจ้าง

“ ตอนนี้วิกฤตปากท้องเป็นปัญหาที่รุนแรงมากของกัมพูชา ซึ่งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในกัมพูชานั้นมาจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาล ประกอบกับทุนจีนที่ถอนการลงทุนออกจากสีหนุวิลล์ จีนคือนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา เมื่อจีนถอนการลงทุนออก การจ้างงานในกัมพูชาก็หดหายตามไปด้วย อีกทั้งการที่จีนลดกำลังการผลิตสินค้าซึ่งส่งออกไปสหรัฐเนื่องจากเจอมาตรการทางภาษี ทำให้นอกจากจะลดการจ้างแรงงานกัมพูชาลงแล้วยังมีการกดค่าแรงด้วย ” อ.ทรงฤทธิ์ ระบุ


อาจารย์ทรงฤทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นกัมพูชายังเจอปัญหาค่าครองชีพที่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าแรง โดยค่าแรงขั้นต่ำของกัมพูชาอยู่ที่เดือนละประมาณ 7,000 บาท ขณะที่แรงงานซึ่งต้องซื้ออาหารนอกบ้านกินในวันทำงานจะต้องจ่ายค่าอาหารสูงถึงจานละ 140 บาท หรือคิดเป็น 3 เท่าของราคาอาหารในประเทศไทย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกัมพูชาไม่สามารถผลิตวัตถุดิบต่างๆได้เอง โดยวัตถุดิบต่างๆจะต้องนำเข้าจากประเทศไทยเกือบทั้งหมด ยกตัวอย่าง ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม วัตถุดิบเกือบทั้งหมดต้องสั่งจากไทย แม้แต่เส้นก๋วยเตี๋ยว เมื่อนำเข้าสินค้าก็ต้องบวกภาษีและค่าขนส่ง จึงทำให้ค่าครองชีพของกัมพูชาสูงกว่าไทย ในขณะที่ค่าแรงถูกกว่า

เมื่อมีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จึงทำให้กัมพูชาได้รับผลกระทบมากกว่าไทย โดยไทยนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบคือพ่อค้าที่ส่งสินค้าอุปโภคบริโภคไปขายกัมพูชา ขณะที่ทางด้านกัมพูชานั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนชาวกัมพูชาทั้งหมด พอปิดด่านสินค้าต่างๆก็แพงขึ้น และแม้จะสามารถนำเข้าสินค้าจากจีนและเวียดนามได้แต่ค่าขนส่งก็แพงกว่าสั่งซื้อจากไทยมาก จะเห็นได้ว่ามูลค่าการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชานั้นสูงมาก โดยเฉพาะด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต

อาจารย์ทรงฤทธิ์ ชี้ว่า อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดด่านก็คือแรงงานกัมพูชา ซึ่งตัวเลขแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทยแบบถูกกฎหมายมีประมาณเกือบ 5 แสนคน ไม่นับรวมแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมายอีก 1 ล้านคน และแรงงานกัมพูชาที่ข้ามมาทำงานตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แบบชั่วคราวหรือเช้ามาเย็นกลับ อาทิ รับจ้างรายวัน , แรงงานภาคการเกษตร เช่น รับจ้างตัดอ้อย ซึ่งตัวเลขอยู่ที่แประมาณ 1 ล้านคน เมื่อไทยปิดด่านหรือลดเวลาเปิดด่าน แรงงานเหล่านี้ก็ขาดรายได้ นอกจากนั้นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบคือก็คือพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาที่นำของป่าและพืชผลการเกษตร เช่น เห็ด หน่อไม้ จิ้งหรีด กบ ปูภูเขา ข้ามมาขายฝั่งไทย

“ ปัญหาการรุกล้ำชายแดนไทยโดยกัมพูชานั้นแท้จริงแล้วเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกลบปัญหาปากท้องของประชาชนซึ่งรัฐบาลแก้ไม่ได้ก็เลยต้องเบี่ยงเบนประเด็นให้เกิดกระแสชาตินิยม ซึ่งฮุน เซน อดีตนายกฯกัมพูชาใช้ประเด็นชาตินิยมเพื่อกลบความล้มเหลวในการบริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2003 และทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้งก็จะเรียกความนิยมด้วยวิธีนี้ อย่างสถานการณ์ล่าสุดก็เพื่อจะช่วยกลบปัญหาวิกฤตศรัทธาที่มีต่อนายฮุน มาเน็ต นายกฯกัมพูชา ซึ่งเป็นลูกชาย แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดวิกฤตศรัทธาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกจากปัญหาข้าวของแพง เอาของข้ามมาขายในไทยไม่ได้ แรงงานขาดรายได้ ยิ่งถ้าไทยเพิ่มมาตรการตัดกระแสไฟฟ้าและงดขายเชื้อเพลิงให้ กัมพูชาถึงขั้นเป็นง่อยแน่ เพราะฉะนั้นเกมนี้ถ้ายื้อยาวออกไปจะทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนยิ่งลำบากกว่าเดิม ” อ.ทรงฤทธิ์ กล่าว


ชาวกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายไทย-กัมพูชา
ส่วนปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาประกาศว่าจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกนั้น “อาจารย์ทรงฤทธิ์” ระบุว่า แท้จริงแล้วกัมพูชาทำเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมเพื่อกลบปัญหาวิกฤตศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น กัมพูชาไม่ได้อยากรบไทย และไม่ได้หวังว่าจะชนะในศาลโลก เราจึงเห็นท่าทีที่ยึกยักถอยเข้า-ถอยออกของกัมพูชา ขนกำลังทหาร 12,000 นายเข้ามาประชิดชายแดนไทย รุกล้ำเข้ามาขุดคูเลตบริเวณช่องบก พอไทยประกาศปิดด่าน ก็สั่งถอยและให้ทหารกัมพูชากลบคูเลต กัมพูชาพยายามยั่วยุเพื่อให้ฝ่ายไทยยิงก่อน จะได้ปลุกกระแสชาตินิยมของชาวกัมพูชาให้รู้สึกว่าถูกไทยรังแก

การที่ผู้นำกัมพูชาเดินสายไปเจรจากับผู้นำประเทศต่างๆ เช่น ลาว เวียดนาม เพื่อให้ช่วยสนับสนุนกัมพูชาในกรณีที่มีข้อพิพาทกับไทยนั้นก็ได้แค่ภาพการพบปะกันเท่านั้น แต่ไม่มีประเทศไหนให้ความร่วมมือ ถามว่าถ้าเวียดนามหนุนกัมพูชามาทะเลาะกับไทย แล้วเวียดนามจะได้อะไร ส่วนประเทศลาวนั้น ไทยคือคู่ค้าอันดับหนึ่งของลาว อีกทั้งแรงงานลาวจำนวนมากก็เข้ามาทำงานในไทย ขณะเดียวกันจีนก็ไม่ต้องการให้ประเทศในภูมิภาคแถบนี้มีปัญหากันเพราะจีนกำลังขับเคลื่อนโครงการ "Belt and Road Initiative" (BRI) หรือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของจีน ที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงจีนกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคผ่านทางบกและทางทะเล ดังนั้นหากมีประเทศใดในภูมิภาคแถบนี้ที่เกิดข้อพิพาทกันก็จะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างทางรถไฟเชื่อมเส้นทางในภูมิภาค จีนจึงออกมาดักคอกัมพูชาที่มีปัญหากับไทย ทำให้ฮุน เซน ต้องถอย เพราะกัมพูชาพึ่งพาจีนอยู่

“ ผู้นำกัมพูชาจะปลุกกระแสยังไงมันก็ไม่ขึ้นหรอก เพราะยิ่งมีปัญหากับไทยชีวิตชาวกัมพูชาก็ยิ่งแย่ จะไปดึงประเทศอื่นๆให้มาช่วยสนับสนุนก็ไม่มีใครเล่นด้วย ตอนนี้คนที่รับกรรมหนักหนาสาหัสที่สุดก็คือประชาชนกัมพูชา ดังนั้นไทยก็ปล่อยให้กัมพูชาดิ้นไป ไม่ต้องไปเล่นแรงตามเกมเขา มาตรการที่กองทัพไทยดำเนินการอยู่ตอนนี้ถูกต้องแล้ว ฮุน เซน บอกว่าโทร.หากันก็รู้เรื่องแล้ว นี่คือเล่ห์เหลี่ยมของฮุน เซน เพราะคิดว่าสองครอบครัวสนิทกัน แต่อย่าลืมว่าประเทศชาติไม่ใช่กิจการของครอบครัว กัมพูชาอาจเป็นข้อยกเว้น เพราะประเทศกัมพูชาเป็นกิจการของตระกูลฮุน แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นกิจการของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ” อ.ทรงฤทธิ์ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น