xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์ ‘แฮปปี้’ เจรจาการค้ากับปักกิ่งลุล่วง จีนดักคอ 2 ฝ่ายต้องทำตามฉันทามติที่ตกลงกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


(ภาพจากแฟ้ม) คณะผู้เจรจาของสหรัฐฯและของจีน ถ่ายภาพร่วมกัน ระหว่างการเจรจาเรื่องการค้าที่ อาคารแลงคาสเอร์เฮาส์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกของการหารือกันที่ลอนดอนเป็นเวลา 2 วันคราวนี้
ทรัมป์แฮปปี้บรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ด้านปักกิ่งยืนยันในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) เห็นพ้องกันจริง แต่สำทับว่า ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามฉันทามติ พร้อมยืนยันปักกิ่งรักษาคำพูดเสมอ อย่างไรก็ดี จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดสิ่งที่ตกลงกันได้ล่าสุดแต่อย่างใด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิจารณ์ว่า เป็นแค่สัญญาปากเปล่าที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

การตกลงล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันพฤหัสฯที่แล้ว (5) จนนำมาสู่การหารือทางการค้าของคณะผู้แทนระดับสูงของ 2 ประเทศที่กรุงลอนดอนในวันจันทร์และอังคาร (9-10) นี้

คณะผู้แทนระดับสูงของ 2 ชาติเคยหารือกันมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่เมืองเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถตกลงสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว โดยที่ต่างฝ่ายต่างประกาศลดภาษีศุลกากรที่จัดเก็บจากสินค้าเข้าของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีการตอบโต้กันจนขึ้นไปเป็นตัวเลข 3 หลัก อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา วอชิงตันโวยว่าปักกิ่งไม่ทำตามข้อตกลงที่เจนีวา โดยในเรื่องคุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ที่เป็นส่วนประกอบจำเป็นสำหรับการผลิตสินค้าไฮเทคจำนวนมาก นอกจากไม่ยกเลิก ยังชะลอการอนุญาตส่งออก จนกระทบกระเทือนการผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะพวกรถยนต์ ขณะที่ปักกิ่งก็แสดงความไม่พอใจที่สหรัฐฯคุมเข้มการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี โดยนอกจากเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเอไอแล้ว ยังเพิ่มเติมด้วยเรื่องซอฟต์แวร์ออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ เครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน และสินค้าอื่นๆ ให้จีน มิหนำซ้ำยังมีเรื่องชะลอการออกวีซ่าให้นักศึกษาจีนที่ต้องการไปศึกษาในสหรัฐฯ

ภายหลังการหารือที่ลอนดอน ผู้เจรจาของฝ่ายสหรัฐฯ เช่น รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลุตนิก บอกว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในกรอบโครงข้อตกลง ซึ่งจะต้องให้ประธานาธิบดีของทั้ง 2 ฝ่ายอนุมัติอีกครั้ง แต่บรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยดี โดยเรื่องที่จีนจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธและแม่เหล็กทำจากแร่หายากเหล่านี้ไปยังสหรัฐฯ ก็จะได้รับการแก้ไข โดยถือเป็นส่วน “รากฐาน” ส่วนหนึ่งของกรอบโครงข้อตกลงคราวนี้

ด้านทรัมป์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์สื่อสังคม ทรูธ โซเชียลของเขาในวันพุธ (11) ว่า ยินดีมากที่บรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน แม้ยังต้องได้รับอนุมัติจากตนและผู้นำจีนก็ตาม

ทรัมป์เสริมว่า จีนจะจัดส่งแม่เหล็กทั้งหมดและแร่แรร์เอิร์ธที่จำเป็น และอเมริกาจะทำตามที่ตกลงไว้ ซึ่งรวมถึงการออกวีซ่าให้นักศึกษาจีนที่เรียนอยู่ในอเมริกา ก่อนสำทับว่า ขณะนี้อเมริกาเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนรวมทั้งสิ้น 55% และจีนเรียกเก็บจากสินค้าอเมริกา 10%

ในเวลาต่อมา ทำเนียบขาวอธิบายว่า ตัวเลข 55% ไม่ได้มีการเพิ่มภาษีใหม่ โดยมาจากภาษีศุลกากรตอบโต้พื้นฐาน 10% ที่ทรัมป์เรียกเก็บจากสินค้าของประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมด, 20% สำหรับสินค้านำเข้าของจีนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ว่า จีนไม่พยายามมากพอในการสกัดการจัดส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา และ 25% เป็นภาษีเดิมที่เรียกเก็บตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0

ในวันพฤหัสฯ (12) หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลง ว่า จีนรักษาคำพูดเสมอ และเสริมว่า ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้

วันเดียวกัน เหอ หยาตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ว่า ในฐานะประเทศสำคัญที่มีความรับผิดชอบ จีนคำนึงถึงความต้องการและความกังวลที่ถูกต้องชอบธรรมของทุกประเทศเกี่ยวกับแรร์เอิร์ธสำหรับใช้ประโยชน์ในภาคพลเรือน และกระทรวงได้พิจารณาคำขออนุญาตส่งออกสินค้าเกี่ยวกับแรร์เอิร์ธโดยอิงกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งได้อนุมัติคำขอบางส่วนแล้ว

อย่างไรก็ดี เหอปฏิเสธที่จะระบุตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงของจำนวนการอนุมตินับจากการหารือที่เจนีวาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่สำทับว่า จีนจะยังคงปรับปรุงกระบวนการอนุมัติคำขอที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่อไป

ถึงแม้ฝ่ายสหรัฐฯมีการพูดถึงบางส่วนของการตกลงกันที่ลอนดอน ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด ตลอดจนวิธีดำเนินการ

ระหว่างให้ปากคำแก่คณะอนุกรรมาธิการการจัดสรรงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐฯเมื่อวันพุธ (11) รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายสหรัฐฯที่ลอนดอน แถลงว่า ข้อตกลงที่ลอนดอนไม่ได้ครอบคลุมการผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ขั้นสูง เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่จีนอนุญาตการส่งออกแรร์เอิร์ธ

เขาบอกด้วยว่า ข้อตกลงกับจีนที่มีเนื้อหาครอบคลุมยิ่งขึ้นจะต้องใช้เวลาเจรจากันยาวนานขึ้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การฟื้นสมดุลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับปักกิ่งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อจีนพิสูจน์ตัวเองว่า เป็นคู่เจรจาที่เชื่อถือได้

ทางด้านความเห็นของพวกนักวิจารณ์ แดน คริเทนบริงค์ ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ในคณะบริหารโจ ไบเดน กล่าวว่า การพบเจรจากันที่ลอนดอนทำให้ได้ “ข้อตกลงสงบศึกที่อ่อนปวกเปียกฉบับหนึ่ง” ขึ้นมา

“ทั้งสองฝ่ายเวลานี้ต่างสาธิตให้เห็นกันแล้วว่า พวกเขาทราบดีว่าจุดอ่อนของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นอยู่ตรงไหน” คริเทนบริงค์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของ เอเชีย กรุ๊ป บอก “พวกเขาสาธิตให้เห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างมีแต้มต่อและพวกเครื่องมือที่พวกเขาสามารถใช้ในการสร้างความเสียหายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง”

ฝ่ายจีนทราบดีว่าเมื่อมาถึงเรื่องแรร์เอิร์ธ พวกเขา “สามารถเปิดปิดก็อกตัวนี้ได้ตามใจ ... พวกเจ้ามีแต้มต่อที่น่าทึ่งเหนือสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลกด้วยแร่แรร์เอิร์ธ และพวกเขาก็ไม่กลัวที่จะนำมันมาใช้ด้วย”

กระนั้น เขาก็ให้การต้อนรับการตกลงหยุดยิงหยุดยิงคราว เนื่องจาก “ทางเลือกอื่นที่มีอยู่ก็คือการไม่มีข้อตกลงสงบศึกใดๆ เลย และสงครามห่วงโซ่อุปทานที่กำลังคุกคามอยู่นี้ ไม่ใช่คุกคามเฉพาะแค่เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่เศรษฐกิจโลกด้วย”

สำหรับ แดนนี รัสเซล รองประธานด้านความมั่นคงและการทูตระหว่างประเทศของสถาบันนโยบาย ของสมาคมเอเชีย ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนความพยายามล่าสุดของทรัมป์ในการกดดันจีน ไม่ได้สมหวังอย่างที่คาด แต่อเมริกากลับต้องยอมผ่อนคลายข้อจำกัดที่เคยคิดว่าช่วยให้ตัวเองได้เปรียบ แลกกับคำสัญญาหลวมๆ ของจีนว่า จะจัดสรรแร่ธาตุสำคัญให้เร็วขึ้น

ส่วน เวโรนิก เดอ รูจี นักวิจัยอาวุโสของศูนย์เมอร์คาทัส มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน วิจารณ์ว่า การตกลงสงบศึกการค้าที่ลอนดอนเป็นแค่ข้อตกลงปากเปล่าซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี )
กำลังโหลดความคิดเห็น