ที่ประชุมแพทยสภามีมติเกิน 2 ใน 3 ลงโทษแพทย์ 3 คนประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม กรณีการรักษาเอื้ออดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หมอประสิทธิ์แจงดำเนินการได้เลย ถ้าไม่เห็นด้วยร้องศาลปกครองได้ ย้ำรับฟังความเห็นสมศักดิ์วีโต้แล้ว เล็งพิจารณาลงโทษเพิ่มเติม สอนแพทย์รุ่นใหม่คงมาตรฐานการรักษา
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่อาคารแพทยสภา ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่ 1 แถลงข่าวหลังการประชุมแพทยสภา กรณีการพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายนในวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภา จากสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา
วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการต่อจากนี้คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) จะแล้วเสร็จ วันนี้กรรมการแพทยสภารับรองมติ หมายความว่าจะสามารถดำเนินการได้เลย
ส่วนที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ชี้แจงการยับยั้งมติลงโทษ หรือวีโต้นั้น ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า การประชุมวันนี้เป็นกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นชัดเจน สภานายกพิเศษได้มาให้ความคิดเห็นวีโต้ต่อมติของแพทยสภา ขณะเดียวกันวันนี้กรรมการแพทยสภาทุกคนที่ไม่ได้มาประชุมครั้งที่แล้ว ได้รับเอกสารที่สภานายกพิเศษส่งถึงแพทยสภาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลแห่งการวีโต้ทั้งหมด ทุกคนได้รับเอกสารนั้นพร้อมกับวันนี้กรรมการแพทยสภามีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำเปรียบเทียบให้เห็นมติของกรรมการแพทยสภาเพราะเหตุใด เหตุผลการยับยั้งที่มาจากสภานายกพิเศษเพราะเหตุใด และมีบทวิเคราะห์
"ทั้งหมดนี้กรรมการแพทยสภาทุกคนได้เห็นข้อมูลเหล่านี้และใช้ดุลยพินิจด้วยตัวเองจากข้อมูลที่มีกับเหตุผลต่างๆ จึงมีมติมาตามนี้ และวันนี้คิดว่าเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ชัดเจน และทุกคนสามารถใช้ดุลพินิจได้ภายใต้หลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริงและเหตุผล" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีแชตไลน์ที่ออกมา ได้มีคำชี้แจงออกมาหรือไม่ และมองมุมนี้อย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่โต้ตอบใดๆ วันนี้ขอชี้แจงว่า ข้อมูลที่กล่าวว่ามีแชตหลุดนั้น จริงๆ อยู่ในไลน์กลุ่มที่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มทางการของแพทยสภา หากสังเกตมีการลบป้ายหัวตอนบนด้วย เป็นข้อมูลที่แพทย์ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการของแพทยสภามีการอ้างถึง และในแชตนั้นพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร และในกรรมการแพทยสภาที่มีผู้คีย์ Yes (ตกลง) ลงไป หลายคนใช้ไลน์เชื่อว่าเกิดเหตุการณ์เวลาคนส่งมาเราได้รับแล้วบางทีเราก็ Yes บางทีเราก็ Happy โดยที่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด
"หนึ่ง นี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มที่เป็นทางการของแพทยสภา ถ้าว่าไปแล้วที่ส่งเข้ามา มาจากของแพทยสมาคม อันที่สอง การตอบนั้นไม่ได้มีการคีย์อะไรเข้าไปเพื่อแสดงความคิดเห็น เป็นการเหมือนกับเรา Yes ตามลงไป เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้จะกระทบ เราตอบว่าไม่ใช่ และประเด็นที่สามที่สำคัญ ตนกราบเรียนสื่อมวลชนทุกท่านตั้งแต่ต้น เมื่อวันที่ 8 พ.ค. แล้วว่า การพิจารณาวาระนี้ของแพทยสภา ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือผู้ป่วย เราพิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ พิจารณาไปตามนั้น และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่เกินแค่ 2 ใน 3 เป็นการพิจารณาเป็นรายกรณีทั้งสามกรณี แต่ละกรณีกรรมการแพทยสภาเห็นชอบเกิน 60 เสียงขึ้นไป ใน 69 เสียงที่สามารถออกวันนี้ชัดเจนมาก ในเหตุผลตามมติเดิมก็เป็นไปคราวที่แล้วที่ลงโทษ วันนี้ไม่มีเหตุผลใดที่เพิ่มเติม เมื่อวันนี้มีการรับรองมติของแพทยสภา วันพรุ่งนี้ก็สามารถออกคำสั่งแพทยสภาตามมตินี้ได้ และจะดำเนินการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบทันที
ส่วนเอกสารชี้แจงของสภานายกพิเศษฯ แพทยสภามีความกังวลหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ในการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน มีการประชุมทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 1-6 ชั่วโมง แต่มี 3 ครั้งเท่านั้นที่เกิดหลังจากได้รับเอกสาร ในช่วงเดือน เม.ย. แต่เวลาการทำงานทั้งหมดอยู่ที่ 10-60 ชั่วโมง แต่ที่เห็นว่าเป็น 4 เดือนประชุมแค่ 10 ครั้งและโฟกัสแต่ละเรื่อง แต่วันนี้กรรมการใช้เวลาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. วันนี้มีการพิจารณาซ้ำอีก ซึ่งใช้เวลาเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นกรณีนี้จะแตกต่าง กรณีจริยธรรมทางการแพทย์ไม่สามารถเปรียบเทียบข้อมูลวิชาชีพไม่เหมือนกัน วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซปต์ไม่เหมือนกัน จะเอามาเทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่า หลังการออกคำสั่งโทษจะมีผลทันทีหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า โดยกระบวนการนายกแพทยสภาจะต้องแจ้งให้ผู้ถูกลงโทษได้ทราบ เพราะจะมีระยะเวลา ยกตัวอย่างการยับยั้งการประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่จะต้องเคลียร์งานบางอย่าง เช่น บางคนนัดคนไข้ไว้ นายกแพทยสภาจะเป็นผู้กำหนดตรงนี้และสื่อให้ผู้ที่้เกี่ยวข้องให้ทราบ
ส่วนความกังวลการเปิดรายชื่อกรรมการที่มีการโหวตนั้น ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันในประเด็นนี้ว่า การที่แพทย์จากหลายหลายสถาบัน จากหลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนไทยกว่า 50,000 คนที่ได้กรุณาลงนาม จะเห็นได้ว่าสาระใหญ่ของท่านเหล่านั้นต้องการให้แพทยสภายึดมั่นและยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาทุกท่านตระหนักและตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
"สิ่งที่ท่านให้มา ความเห็นผมไม่ใช่แรงกดดัน นั้นคือกำลังใจ เพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นผมคือสิ่งที่ชอบแล้วซึ่งการกระทำ ที่ส่งมาไม่ใช่การกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างพยายามจะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ คือให้เราทำในสิ่งที่ไม่ต้องการทำ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือบางกรณีเข้าเกณฑ์เหมือนข่มขู่ด้วยซ้ำ ขออนุญาตเป็นตัวแทนของแพทยสภาทุกท่านกราบขอบพระคุณแพทย์ทั้งหลาย คนไทยทั้งหลายที่ผมคิดว่า ณ วันนี้แสดงออกชัดเจน อยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และวันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว ก็ขอสิ่งเหล่านี้ส่งกลับให้ทุกท่านว่า ที่ท่านให้กำลังใจมาได้ส่งผลแล้ว" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า
เมื่อถามว่า แพทย์ที่ถูกลงโทษมีใครบ้าง อยากให้มีชื่ออย่างเป็นทางการ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขอสรุปในภาพใหญ่ก่อนว่าวันนี้มติคืออะไร และจะแถลงออกไปอีกครั้งหนึ่ง การแจ้งชื่อทั้งหลายออกมาทันที ความเห็นส่วนตัวอาจไม่เหมาะสมที่จะต้องรีบแจ้ง ส่วนแพทย์ที่ถูกลงโทษจะไปร้องต่อศาลปกครองนั้น เป็นการเข้าสู่กระบวนการของศาลปกครอง แพทย์ที่ถูกลงโทษสามารถกระทำได้ แพทยสภาก็เดินตามกระบวนการของอำนาจตุลาการที่จะต้องไปชี้แจงเหตุผลต่างๆ ตนเห็นว่าเป็นธรรมาภิบาลของประเทศนี้ หากเห็นว่าไม่ถูกต้องก็สามารถไปร้องเรียนได้ หน้าที่เราคืออธิบายต่อศาลให้ทราบ
เมื่อถามว่า นอกจากแพทย์ทั้ง 3 คนที่มีมติลงโทษ จะมีแพทย์คนอื่นหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เรากำลังจะพิจารณาเพิ่มเติม เมื่อถามว่ามติที่ออกมาจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แพทย์รุ่นใหม่มีความกลัวหรือไม่ เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณวิชาชีพ เข้าใจความถูกต้อง เข้าใจบทบาทและหน้าที่เหมือนกัน อยากจะย้ำว่าวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสอนมา และคิดว่าวันนี้แพทย์ทั้งหลายที่เรียนอยู่ก็ได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาต่อไปว่า บทบาทของแพทย์มากมายกว่ารักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา