ตำรวจ LAPD ควบคุมตัวนักข่าว CNN ผิวสีชื่อดัง เจสัน คาร์โรลล์ (Jason Carroll) วันอังคาร(10 มิ.ย)ระหว่างรายงานสดทางทีวี ตากล้องโดนจับ ผู้สื่อข่าวในสถานีถามเสียงหลง “เกิดอะไรขึ้น เจสัน คุณได้ยินดิฉันไหม?” กลายเป็นนักข่าวรายล่าสุดโดนละเมิดเสรีภาพสื่อในการประท้วง หลังนักข่าวอังกฤษต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินหลังโดนยิงที่ขาระหว่างปะทะ ส่วนวันอาทิตย์(8 มิ.ย)นักข่าวหญิงอเมริกันประจำ 9NEWS ออสเตรเลียเจอเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหันกระบอกปืนเล็งยิงกระสุนยางใส่ที่ศีรษะ กลุ่มนักข่าวอเมริกันทนไม่ไหวรวมตัวร่วมกับกลุ่มปกป้องสิทธิพลเมืองสหรัฐฯยื่นหนังสือถามหาเสรีภาพสื่อจากรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ คริสตี โนม (Kristi Noem) ฉายา ICE บาร์บี
ฮัฟฟ์โพสต์(Huff Post)ของสหรัฐฯรายงานวันอังคาร(10 มิ.ย)ว่า เสรีภาพสื่อที่เคยภาคภูมิใจในอเมริกากำลังสั่นคลอนภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีอเมริกันคนที่ 47 โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ เมื่อเกิดการควบคุมตัวระหว่างออกอากาศสดเมื่อนักข่าวผิวสีคนดังของ CNN เจสัน คาร์โรลล์ (Jason Carroll) ระหว่างกำลังรายงานสถานการณ์การประท้วงแอลเอที่บรรดาผู้ประท้วงไม่ต้องการให้หน่วยงาน ICE ของทรัมป์เข้ามาบุกจับลูกหลานผู้อพยพที่มีบางส่วนมีพ่อหรือแม่เป็นพลเมืองสหรัฐฯถึงในโรงเรียนแต่กลับพบว่า นักข่าว CNN กลับโดนตำรวจควบคุมตัวเสียเอง สร้างความตกใจให้กับผู้จัดในสถานี ลอรา โคตส์(Laura Coates)
เจสัน เกิดอะไรขึ้น? นี่ดิฉันกำลังเห็นเจสัน คาร์โรลล์ กำลังถูก...เกิดอะไรขึ้น?” โคตส์กล่าวในรายการอย่างตกตะลึง
นักข่าว CNN ภาคสนามตอบกลับไปยังสถานีว่า “ผมกำลังโดนควบคุมตัว”
ซึ่งในรายงานของสื่อ City News Service ของลอสแอนเจลิสระบุว่า ตำรวจ LAPD สั่งให้เขาเอามือไพล่หลังแต่ “ไม่ได้ใช้พลาสติกรัดสายไฟสีขาว” ที่นิยมในหมู่ตำรวจสหรัฐฯใช้เป็นกุญแจมือคุมตัวผู้ประท้วงเพื่อคุมตัวนักข่าว CNN
เขากล่าวว่า ตำรวจ LAPD ยืนยันว่าเขาไม่ได้โดนจับแต่โดนคุมตัว พร้อมสั่งห้ามเข้ามาอีกครั้งก่อนปล่อยตัวไป โดยนักข่าวภาคสนาม CNN โดนเตือนว่า หากกลับเข้าไปจะโดนจับ
ทั้งนี้ในเฟซบุ๊กของสมาคมสื่อลอสแอนเจลิสที่ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯนั้นมีนักท่องเน็ตอเมริกันที่เห็นด้วยกับตำรวจสหรัฐฯในการจับกุมนักข่าวกำลังปฎิบัติหน้าที่โดยอ้างเหตุผลที่คุ้นเคยว่า "คุณสามารถที่จะออกไปจากที่นั้นได้ มันง่ายมาก หากคุณเข้าไปใกล้ในจุดที่เกิดเหตุคุณกำลังอยู่ในความเสี่ยง"
แต่ทว่ามีอีกคนแสดงความเห็นแย้งว่า " นักข่าวมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นั่น เหมือนเช่นบรรดาผู้ประท้วงอย่างสันติทุกคน นี่ไม่ใช่อเมริกาเมื่อประชาชนและสื่อตกเป็นเป้า"
ทั้งนี้ CNN รายงานหลังจากนั้นว่าในขณะที่นักข่าวภาคสนามของตัวเองโดนปล่อยตัวเป็นอิสระหลังโดนสอบปากคำแต่ทว่าทีมตากล้อง 2 คนของ CNN โดนตำรวจจับกุม
ฮัฟฟ์โพสต์รายงานว่า เกิดขึ้นท่ามกลางรายงานนักข่าวหลายคนโดนยิงกระสุนยางโดยจงใจจากเจ้าหน้าที่ในระหว่างทำหน้าที่รายงานข่าวการประท้วง LA ต้านหน่วยจับผู้อพยพของทรัมป์
สื่อลอสแอนเจลิสรายงานต่อว่า เจสัน คาร์โรลล์ จาก CNN ไม่ใช่คนแรกที่ถูกขัดขวางระหว่างการปฎิบัติหน้าที่เพราะก่อนหน้าวันอาทิตย์(8) ลอรา โทมาซี (Lauren Tomasi) นักข่าวหญิงประจำ 9NEWS ออสเตรเลียเจอเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหันกระบอกปืนเล็งยิงกระสุนยางใส่ที่ศีรษะ
ส่วน นิค สเติร์น (Nick Stern) นักข่าวตากล้องอังกฤษต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินหลังโดนยิงที่ขาระหว่างปะทะช่วงสุดสัปดาห์
ส่งผลทำให้กลุ่มแนวร่วมองค์กรสื่อ 27 แห่งที่นำโดยสมาคมสื่อลอสแอนเจลิส (Los Angeles Press Club) กลุ่มแนวร่วมสิทธิพลเมืองสหรัฐฯฉบับแก้ไขข้อ 1 ( First Amendment Coalition) และกลุ่มเสรีภาพสื่อ (Freedom of the Press Foundation) ร่วมกับบรรดาองค์กรต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองสหรัฐฯยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ คริสตี โนม (Kristi Noem)ฉายา ICE บาร์บีจากการแต่งชุดในเครื่องแบบเอเจนต์โพสต์ท่าถือปืนไรเฟิลร่วมกับเจ้าหน้าที่ ถามหาเสรีภาพสื่อจากคนของทรัมป์
เนื้อหาในตอนหนึ่งมีใจความว่า “สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในระบอบประชาธิปไตยของพวกเราในฐานะเป็นหูและตาของสาธารณะ การรายงานข่าวด่วนนั้นมีความจำเป็นเพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนแก่สาธารณะโดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่อื้อฉาว”
และกล่าวว่า “...มีบางกรณีเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯดูเหมือนจงใจเล็งไปที่นักข่าวที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการรายงานข่าวในการทำหน้าที่ของตัวเอง”
องค์กรสมาคมสื่อลอสแอนเจลิสได้ชี้ให้เห็นว่า มีไม่ต่ำกว่า 24 ครั้งของการจดบันทึกที่พบว่ามีนักข่าวตกเป็นเป้าโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระหว่างการรายงานการประท้วงแอลเอระหว่างวันที่ 6 มิ.ย - วันที่ 8 มิ.ย และมีนักข่าวมากมายถูกยิงด้วยกระสุนที่ไม่ถึงแก่ชีวิตจากตำรวจ