ทนายความอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เผยรับมอบอำนาจ เตรียมประเด็นชี้แจงกรณีรับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามหมายขัง ปมชั้น 14 ระบุลูกความไม่ต้องไป เพราะศาลไม่ได้เรียก ขอขยายเวลาส่งเอกสารถึง 23 มิ.ย. ด้านอัยการสูงสุดแจงศาล หลังพิพากษาแล้วไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ส่วนศาลฎีกาประเมินสถานการณ์ แต่องค์คณะยังไม่สั่งอะไรพิเศษ
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนกรณีความปรากฎการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ หรือกรณีชั้น 14 ในวันที่ 13 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ว่า วันดังกล่าวตนเเละทีมทนายความจะเดินทางไปศาลฎีกา พร้อมเตรียมประเด็นชี้แจง เนื่องจากการพิจารณาคดีนี้เป็นรูปเเบบลักษณะคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เตรียมชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายในขณะต้องรับโทษตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ ต้องดูว่าภายหลังจากศาลได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว ศาลจะมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร หรือมีประเด็นอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งตนเป็นทั้งทนายความเเละในฐานะผู้รับมอบอำนาจสามารถกระทำการเเทนตัวการ ตามที่กฎหมายให้กระทำการแทนได้ ในส่วนมวลชนก็คาดว่าจะไม่มีเดินทางไป ตนทำคดีมาก็ไม่เคยมีลักษณะที่จะนำมวลชนไปศาล ทนายทำหน้าที่ทนาย ไม่ใช่ผู้นำมวลชน ที่ผ่านมาก็ทำคดีโดยยึดตามหลักกฎหมายเป็นไปตามขั้นตอน
ส่วนนายทักษิณ ลูกความของตนก็จะไม่ได้เดินทางไปศาลด้วย เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้มีหมายเรียกมา ต้องใช้สิทธิชี้แจงต่อศาลตามกระบวนการ และเปิดเผยเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอศาล เพื่อขอขยายเวลาส่งเอกสารไต่สวนไป 30 วัน โดยศาลฎีกาฯ อนุญาตถึงวันที่ 23 มิ.ย. นี้
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ศาลฎีกากำลังประเมินสถานการณ์ว่าในวันดังกล่าวจะมีผู้สื่อข่าวเดินทางมาทำข่าวมากน้อยขนาดไหน ถ้ามากันจำนวนมากก็จะมาการกันโซนหน้าอาคารศาลฎีกา ฝั่งคลองหลอด เพื่ออำนวยความสะดวก หรือหากกรณีมีรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ ก็สามารถทำการถ่ายทอดสด หรือไลฟ์สดได้ภายนอกเขตอาคารศาล
สำหรับสื่อมวลชนที่จะประสงค์เข้าไปทำข่าวในศาลฎีกา ต้องมีการขออนุญาตทำข่าว โดยปฏิบัติตามระเบียบของศาล ห้ามถ่ายภาพ ถ่ายคลิปวีดีโอในบริเวณอาคารศาล โดยทางศาลฎีกาจะพิจารณาว่ามีสื่อมวลชนขออนุญาตเข้าไปทำข่าวในห้องพิจารณาคดีจำนวนมากหรือไม่ ถ้ามีจำนวนมาก ก็อาจจะเปิดห้องถ่ายทอดสัญญาณคอนเฟอร์เรนซ์อีกห้องหนึ่ง เเต่ถ้าจำนวนไม่มากก็จะอนุญาตให้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดีได้ โดยทั้งสองห้องผู้ที่เข้าฟังจะต้องฝากเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างนอก นำเข้าได้เพียงสมุด ปากกาเท่านั้น
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเเละเจ้าพนักงานตำรวจศาลดูเเลเป็นหลัก รวมถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. และตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม ส่วนจะมากน้อยเพียงใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ประเมินเหตุการณ์เอง คาดว่าในวันดังกล่าวจะยังไม่มีมวลชนมามากเนื่องจากเป็นการนัดพร้อมไต่สวนคำชี้เเจงที่ได้หมายเรียกมาจากคู่ความเเละหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งศาลก็ไม่ได้ออกหมายเรียกตัวนายทักษิณมาไต่สวนในวันดังกล่าว ทางองค์คณะทั้ง 5 คน หรือทางศาลฎีกาก็ยังไม่มีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษ คาดว่าในวันที่ 13 มิ.ย. จะยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดเกี่ยวกับปมบังคับโทษ ก็ต้องรอดูว่าองค์คณะทั้ง 5 ของศาลฎีกาฯ จะพิจารณาคำชี้เเจงเเละมีคำสั่งอย่างไรต่อไป ตอนนี้ก็ให้นักข่าวที่จะไปทำข่าว สามารถยื่นคำร้องขอทำข่าวได้ ทางศาลฎีกาก็ได้เตรียมที่จอดรถไว้รองรับ
ด้านความคืบหน้าจากทางฝั่งอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดยังไม่ได้มอบหมายให้ใครไปศาลฎีกา หรือจำเป็นที่อัยการจะต้องเดินทางไปหรือไม่ โดยมีรายงานว่าทางอัยการสูงสุดได้มีการชี้เเจงไปยังศาลฎีกา ทำนองว่าไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นชั้นบังคับคดี เพราะหลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ทางอัยการก็ไม่มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10 /2552 และคดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงตามที่อ้างในคำร้องหรือไม่ พร้อมกับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงข้อประกอบการพิจารณาของศาล ว่าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน