"เสี่ยเฮ้ง" แฉ "เอกนัฏ" จ้องล้ม "พีระพันธุ์" ชวนจับมือขับหัวหน้าพรรค อ้างเพื่อน สส. แจ้งข่าว เผยถูกโทรหา 3 มิ.ย. แต่ไม่รับสาย เหตุการณ์บานปลายไปแล้ว ยัน 21 ส.ส. เซ็นชื่อจริง จวก 9 อรหันต์ กก.บห. อ้างไม่ใช่ความเดือดร้อน ปชช.
ก่อนหน้านี้นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ บอกกับผู้สื่อข่าวยังติดต่อนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้ ทว่าล่าสุดนายสุชาติ ได้ไปให้สัมภาษณ์กลางรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand สถานีโทรทัศน์ MCOT HD เปิดใจถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคทั้งหมดว่า ที่มีข่าวว่า นายเอกนัฏ โทรหาตนเองนั้น พบว่าโทรเข้ามาในวันที่ 3 มิ.ย.2568
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นายเอกนัฏโทรเข้ามาเหตุการณ์ไปไกลแล้ว
“ผมถามเพื่อนผมว่าเลขาฯ ขิง (นายเอกนัฏ) โทรหาผมทำไม? เพื่อน ส.ส. ที่อยู่ใกล้ตัวเขาโทรมาบอกผมก่อนว่าให้รับสายเลขาฯ ขิง เพราะว่าที่ผมพูดไปมันเป็นคำพูดที่ผมพูดไปก็ต้องอ้างอิงเพื่อนผม ผมก็ไม่อยากอ้างอิงเพื่อนผมที่เป็น สส. แต่ไม่พูดก็บอกว่าทำไมผมไม่รับสาย ความคิดที่เขาจะมาคุยกับผมเป็นความคิดที่ผมรับไม่ได้” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า มีคำพูดหนึ่งที่เพื่อนโทรมาบอก คือให้จับมือกับขับหัวหน้าพรรค (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ออกแล้วเดี๋ยวเขาจะเป็นหัวหน้าเอง ซึ่งตนเองคิดว่าแรงเกินไปจึงไม่รับสาย แต่เมื่อตนพูดแล้วก็คงมีคำถามตามมาว่าหมายถึงเพื่อนคนไหน แล้วตนจะต้องเอาเพื่อนมาขายอีกหรือ ตนจึงไม่อยากพูดต่อไป แต่ตนเป็นคนพูดความจริงทุกเรื่อง ถึงกระนั้นก็คิดว่าไม่ควรมารื้อฟื้นกัน จะเอาประเด็นแบบนี้แล้วมาทำให้ตนเองหล่อคนเดียวมันไม่ถูก โดยสรุปคือ ตนได้รับฟังจากเพื่อนว่านายเอกนัฏได้โทรศัพท์หาเพื่อน สส. ในกลุ่มอยู่หลายคน เพื่อขอให้ตนรับโทรศัพท์นายเอกนัฏ มาคุยกันแล้วหากช่วยไม่ได้ก็มาจับมือกันขับหัวหน้าพรรคออก แต่เมื่อตนรู้ประเด็น รู้วัตถุประสงค์แล้วตนจะคุยต่อเพื่ออะไร คือเพื่อนบอกว่านายเอกนัฏ โทรมาขอเสียงสนับสนุนหากมีการให้ลงมติขับหัวหน้าพรรค แต่พวกตนไม่เคยอัดเทปหรือบันทึกเสียงสนทนาโทรศัพท์ใคร มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แต่หากพวกตนวางแผนดีๆ มีการอัดเทป ก็จะมีอะไรยืนยันกันได้
นายสุชาติ ระบุว่า ส่วนคำถามว่า 21 รายชื่อ สส. ที่ร่วมลงนามส่งถึงนายกรัฐมนตรี เจ้าตัวเซ็นเองทุกคนหรือไม่ ให้ดูที่การสอบถามของสื่อมวลชนไปยัง สส. เหล่านั้น ซึ่งแทบทุกคนก็บอกว่าเซ็นจริง หรือจะใช้การยืนยันทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ ส่วนคนที่บอกว่าไม่ได้เซ็นก็ต้องไปตอบคำถามในบ้านเขาเอง อย่างตนถามเพื่อน สส. 18 คน เขาก็ตอบสื่อว่าเซ็น รูปก็มีทุกอย่าง แต่ตนถามว่าต้องทำขนาดนี้เลยหรือในเมื่อเป็นเรื่องภายในบ้าน คือไม่ใช่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน
ทั้งนี้ ภายนอกอาจมองพรรคอย่างหนึ่ง แต่ สส. 36 คนในพรรค ถามทุกคนว่ามีสิทธิ์มีเสียงอะไรในพรรคบ้างหากทุกอย่างต้องผ่าน 9 อรหันต์ หรือคณะกรรมการบริหารพรรคจำนวน 9 คน อีกทั้งบางคนยังเป็น ส.ส. สอบตก จะมาตัดสินใจแทน ส.ส. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ได้อย่างไร อย่างการแก้ข้อบังคับพรรคก็ทำกันโดยที่ ส.ส. ไม่รู้ ถามว่าโครงสร้างแบบนี้อนาคตจะไปกันอย่างไร พูดแบบให้เห็นภาพคือเรามาอาศัยบ้านเขาอยู่ จะออกจากบ้านเขาก็คล้องกุญแจหน้าบ้านไว้ไม่ให้เราออก เมื่อเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่ชอบ อยู่แล้วอึดอัด อยากออกจากบ้านก็ปล่อยเราออกดีๆ เหตุใดต้องล็อกกุญแจไม่ให้ออก ส่วนข้อบังคับจะทำอะไรก็ทำไป ตนก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเพราะเรื่องเดินไปแล้ว
นายสุชาติ ยังกล่าวอีกว่า ชุดสุดซอยที่บอกเป็นทีมงานไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตนบอกเลยว่าของปลอมทั้งนั้น ตนรู้เพราะบ้านอยู่ชลบุรี – ฉะเชิงเทรา ผู้นำท้องถิ่นพวกเราทั้งนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชุดที่ตั้งมาคือชุดอะไร ที่พูดกันว่าชุดสุดซอยทำงานจนอาจไปเหยียบตาปลาใคร ตนก็ไม่อยากไปก้าวล่วง ภาพก็ดูดี แต่รู้กันหรือไม่ว่านอกจากชุดสุดซอยแล้วยังมีชุดตามเก็บ ตนก็ไม่อยากพูด คือฟังแล้วดูหล่อมาก โยกความผิดให้ตนหมดทุกเรื่อง บอกตนไม่มีผลงานแต่เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เดี๋ยวไม่นานทุกอย่างก็จะออกมาหมดที่ทำอะไรกันไว้
“เราเป็นเพื่อนกันหมด เราอย่าให้คนอื่นมองนักการเมืองแบบมาทะเลาะเบาะแว้งกัน มันไม่ดี ผมแค่ต้องการว่าอันไหนคุณไม่สบายใจ ผมก็บอกคุณแล้วนะแบบนี้ๆ คุณก็ยินดีทุกคน แต่ถ้าเกิดมันเกิดขึ้นอย่างนี้แล้วผมก็ไม่บังคับใคร ใครจะแก้ตัวอะไรก็ว่าไป แต่สิ่งหนึ่งทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจว่าคุณเซ็นเองหรือไม่เซ็นเอง” นายสุชาติ กล่าว