xs
xsm
sm
md
lg

กฤษฎีกา ชี้ ปค. ไร้อำนาจ เอาผิดต่อเนื่อง ผู้ถือใบอนุญาตมี-ใช้ปืน ไม่แจ้งย้ายอาวุธฯออกนอกพื้นที่ ที่มีโทษปรับ แค่ครั้งละ 1 พันบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กฤษฎีกา ชี้ ปค. ไร้อำนาจ เอาผิดอย่างต่อเนื่อง ผู้ถือใบอนุญาตมี-ใช้อาวุธปืน หลังพบ จนท.รัฐ -บุคคลทั่วไป ไม่แจ้งย้ายอาวุธปืนออกนอกพื้นที่แก่นายทะเบียน ที่มีโทษปรับ แค่ครั้งละ 1 พันบาท แถมไม่ยอมไปแจ้งอยู่เรื่อย ย้ำการนับอายุความผิด ให้เริ่มนับอายุความตั้งแต่วันกระทําความผิดเท่านั้น เผย "นายทะเบียน" จะรู้ว่ากระทำความผิด ก็ต่อเมื่อเจ้าของปืน ไปยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตเท่านั้น

วันนี้ (10 มิ.ย. 2568) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 11 (ด้านศาล และกระบวนการยุติธรรม) มีความเห็นในเรื่องเสร็จที่ 644/2568

ว่าด้วยการนับอายุความสําหรับความผิดฐานไม่แจ้งย้ายถิ่นที่อยู่แก่นายทะเบียน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490

โดย กรมการปกครอง มีหนังสือ ถึงสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังจากพบปัญหาการกระทําความผิด ทางพินัยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

"กรณี ความผิดฐานไม่แจ้งย้ายถิ่นที่อยู่แก่นายทะเบียน ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นความผิดต่อเนื่องหรือไม่ และจะเริ่มนับอายุความ เมื่อใด"

ซึ่งเป็นกฎหมายตามบัญชี 1 ท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 โดยมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ บัญญัติว่า

“ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืน คนใดย้ายถิ่นที่อยู่ ให้แจ้งการย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันย้าย และถ้าย้ายไปอยู่ต่างท้องที่ ให้แจ้งการย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่ใหม่ให้ทราบภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ย้ายไปถึงอีกด้วย”

ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวไม่แจ้งย้ายภายในเวลาที่กฎหมายกําหนดต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

ในการบังคับใช้กฎหมาย กรมการปกครองเห็นว่า หากการกระทําความผิดดังกล่าว เป็นความผิดต่อเนื่อง ตราบใดที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนไม่แจ้งย้าย ก็ยังเป็นความผิดอยู่เรื่อยไปจนกว่าจะดําเนินการแจ้งย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่

เทียบเคียงบันทึกสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการไม่ยื่นขอมีบัตรประจําตัวประชาชน เรื่องเสร็จที่ 1207/2558

"อายุความจะยังไม่เริ่มนับจนกว่าจะได้แจ้งย้ายต่อนายทะเบียนท้องที่ แต่หากการกระทําความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดสําเร็จ ตั้งแต่วันถัดจากวันครบกําหนดระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด อายุความจะเริ่มนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบกําหนดระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด"

ประเด็นนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 11 เห็นว่า มาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ บัญญัติให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน คนใดย้ายถิ่นที่อยู่ ให้แจ้งการย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันย้าย

และถ้าย้ายไปอยู่ต่างท้องที่ ให้แจ้งการย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่ใหม่ ให้ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ย้ายไปถึง อีกด้วย หากฝ่าฝืน บุคคลนั้นต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาทตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน

บทบัญญัติดังกล่าวกําหนดความผิดฐานไม่แจ้งย้ายถิ่นที่อยู่ แก่นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด เมื่อพ้นระยะเวลาที่ต้องแจ้งการย้ายถิ่นที่อยู่ต่อนายทะเบียนแล้ว ผู้ได้รับใบอนุญาตไม่แจ้งย้ายต่อนายทะเบียน

"ความผิดก็เริ่ม ตั้งแต่วันนั้น ไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง และต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันกระทําความผิด โดยนับในวัน ถัดจากวันสุดท้ายของระยะเวลาสิบห้าวันที่กําหนดไว้"

ทั้งนี้ ตามนัยความเห็นของคณะกรรมการ กฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 2) ที่ได้เคยให้ความเห็นไว้ในเรื่องเสร็จที่ 43/2536

เมื่อมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติ ให้ในคดีความผิดทางพินัย ถ้ามิได้มีคําสั่งปรับเป็นพินัยหรือฟ้องภายในกําหนดสองปีนับแต่วันกระทํา ความผิด เป็นอันขาดอายุความ

เว้นแต่กฎหมายซึ่งบัญญัติความผิดทางพินัยจะกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น ความผิดตามมาตรา 626 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จึงมีอายุความสองปีนับแต่วันถัดจาก วันสุดท้ายของระยะเวลาสิบห้าวันที่กําหนดไว้

อนึ่ง การแจ้งย้ายอาวุธปืนมีความเชื่อมโยงกับการย้ายถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร และความผิดฐานไม่แจ้งย้ายถิ่นที่อยู่แก่นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ

เป็นความผิดที่นายทะเบียนจะพบเห็นได้เมื่อผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนมาแจ้งย้ายต่อนายทะเบียนเท่านั้น ซึ่งอาจจะขาดอายุความในการดําเนินคดีปรับเป็นพินัยแล้ว

กฤษฎีกาชุดนี้ มีข้อสังเกตว่า หากกรมการปกครอง เชื่อมโยงฐานข้อมูล ทะเบียนประวัติราษฎรเข้ากับฐานข้อมูลทะเบียนอาวุธปืน เพื่อให้นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ

สามารถตรวจสอบถิ่นที่อยู่ของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นปัจจุบันเสมอ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอาวุธปืน และยังผลให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยแก่ประชาชนด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น