วันนี้ (10 มิ.ย.68) กรมศุลกากร ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และการท่าเรือแห่งประเทศไทย จัดแถลงกรณีเข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่เข้าข่ายเป็นของเสียอันตราย ว่า กรมศุลกากรได้ตรวจสอบพบตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 36 ตู้ น้ำหนักรวมกว่า 736 ตัน ขนส่งสินค้าในรูปแบบ ผงสังกะสี (Zine Concentrate) ซึ่งถือเป็นของเสียอันตรายที่มีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพของประชาชน เช่น การก่อให้เกิดโรคปอด โรคทางเดินหายใจ และโรคมะเร็ง รวมถึงมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปนเปื้อนในน้ำ ดิน และอากาศ
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อตรวจสอบเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) หรือชื่อเต็มว่า อนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด โดยเป็นการตรวจสอบตู้สินค้าตกค้างที่มีการระบุในใบตราส่งสินค้าเป็น Zine Concentrate ซึ่งมีต้นทางจากประเทศโมร็อกโก
ผลการตรวจสอบพบว่า สินค้าที่บรรจุมาในถุงบิ๊กแบ็กมีลักษณะเป็นผงละเอียดสีน้ำตาล มีกลิ่นฉุน จากการตรวจเบื้องต้นด้วยเครื่อง XRF หรือ X-ray fluorescence พบว่า ธาตุโลหะหลักเป็นสังกะสีในสัดส่วนประมาณ 32% เหล็ก 13.5% และมีการปนเปื้อนโลหะหนักอื่นๆ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม และพลวง เข้าข่ายเป็นกากของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลชัดเจน
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อตรวจสอบเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) หรือชื่อเต็มว่า อนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด โดยเป็นการตรวจสอบตู้สินค้าตกค้างที่มีการระบุในใบตราส่งสินค้าเป็น Zine Concentrate ซึ่งมีต้นทางจากประเทศโมร็อกโก
ผลการตรวจสอบพบว่า สินค้าที่บรรจุมาในถุงบิ๊กแบ็กมีลักษณะเป็นผงละเอียดสีน้ำตาล มีกลิ่นฉุน จากการตรวจเบื้องต้นด้วยเครื่อง XRF หรือ X-ray fluorescence พบว่า ธาตุโลหะหลักเป็นสังกะสีในสัดส่วนประมาณ 32% เหล็ก 13.5% และมีการปนเปื้อนโลหะหนักอื่นๆ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม และพลวง เข้าข่ายเป็นกากของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลชัดเจน