ตะเพิดนักการเมือง พ้นรัฐบาลและสภา รับผิดชอบบ้านเมืองไม่ได้
สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชามาถึงจุดสำคัญที่ต้องจับตามองกันแบบนาทีต่อนาทีกันเลยทีเดียวภายหลังฝ่ายไทยประกาศทยอยปิดด่านชายแดนแล้ว
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพลเรือน และกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยั้งความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้ กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้
ด้าน นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แสดงความคิดเห็นว่า “เชื่อว่าทหารทุกคนก็ไม่อยากให้เป็นศึกสงครามมากที่สุด เพราะท่านเจ็บท่านตายจริง พวกเราโดยเฉพาะนักการเมืองไม่เจ็บ ไม่ตายจริงหรอก อย่างมากก็พูดๆว่านโยบายฉันอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้ทำให้เกิดผลอะไรขึ้น โดยเฉพาะในทางกายภาพ ฉะนั้น ทหารเขาไม่อยากรบ แต่หากมีภาวะการณ์ที่จำเป็นในทางระหว่างประเทศ ภายใต้ระหว่างกฎหมายระหว่างประเทศด้วยซ้ำ อาจจะมีการป้องกันตัว อาจจะมียิงขู่ เช่น ยิงขึ้นฟ้าเพื่อผลดันคนเหล่านี้ให้ถอยไป"
นายเจษฎ์ กล่าวอีกว่า เราไม่ได้ปฏิเสธกลไกกฎหมายระหว่างประเทศแต่ไม่ต้องถึงขั้นนั้น และเป็นอาณาเขตของเรา รัฐบาลเป็นฝ่ายที่ย่อหย่อนที่สุด ตอนนี้คนพูดกันว่าทหารพร้อม ประชาชนพร้อม แต่รัฐบาลกลับไม่พร้อมแล้วจะมาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร ถึงกับมีคนบอกว่าไล่รัฐบาลก่อนไล่เขมรดีหรือไม่
"ถ้าดูแลบ้านเมือง ไม่ใช่แค่นายกฯ แต่ต้องพากันลาออกกันไปให้หมด สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องชี้วัดว่าการที่จะดูแลบ้านเมืองบริหารราชการแผ่นดินและทั้งรัฐสภา สส. สว. ที่บอกว่าเป็นตัวแทนประชาชนคนไทย คุณทำอะไรบ้าง พากันออกให้หมด ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ ประชาชนทำกันเองได้ ทหารช่วยกันทำได้ ที่พูดไม่ได้บอกให้ปฏิวัติ แต่ต้องเปลี่ยนไปตามครรลองที่คิดจะทำ แต่ต้องลาออกไปก่อนเพราะทำงานกันไม่ได้ เหมือนบริษัทห้างร้าน ถ้าคนทำงานไม่ได้ก็ต้องไล่ออก" นายเจษฎ์ กล่าว