เหตุยูเครนส่งโดรนโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดศักยภาพติดอาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกลของรัสเซีย ก่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อสถานการณ์ลุกลามบานปลาย และมอบเหตุผลอันชอบธรรมแก่มอสโก ในการใช้กำลังแก้แค้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์(6มิ.ย.)
ในปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนอย่างพร้อมเพรียงถล่มฐานทัพอากาศหลายแห่ง ยูเครนยังระเบิดสะพานรถไฟในรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้รถไฟพลเรือนและขบวนสินค้าตกราง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 รายและบาดเจ็บกว่า 120 คน ในนั้นรวมถึงเด็กๆ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการโจมตีของยูเครนเมื่อวันพุธ(4มิ.ย.) และเตือนว่าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้เรื่องนี้อ้างความชอบธรรม
ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวในวันศุกร์(6มิ.ย.) ว่าเขาไม่อยากเห็นสถานการณ์ลุกลามบานปลาย เมื่อถูกถามว่าการโจมตีของยูเครนที่เล่นงานองค์ประกอบสำคัญของสามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad) ได้ทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไปหรือไม่เกี่ยวกับการถือไพ่และการวางเดิมในครั้งนี้ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
"อืม พวกเขามอบเหตุผลให้ปูติน ปรี่เข้าทิ้งบอมบ์ราวกับห่านรกเมื่อคืนนี้" ทรัมป์เน้นย้ำ "มันเป็นบางอย่างที่ผมไม่ชอบเลย ตอนที่ผมเห็น ผมได้แต่อุทานว่าเอาล่ะ มันกำลังจะมีการโจมตี"
ในปฏิ บัติการตอบโต้ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ปฏิบัติการก่อการร้าย" โดยฝีมือยูเครน ทางกองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมีขนานใหญ่เล่นงานแหล่งที่ตั้งอุตสาหกรรมกลาโหมของยูเครนในช่วงเช้าวันศุกร์(6มิ.ย.) โดยใช้ขีปนาวุธยิงจากอากาศ ทพเลและภาคพื้น เช่นเดียวกับอากาศยานไร้คนขับ(โดรน) จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหม
เป้าหมายต่างๆของโจมตีมีทั้ง "สำนักงานต่างๆ สถานประกอบการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและซ่อมแซมอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารของยูเครน โรงงานประกอบโดรนโจมตี ศูนย์ฝึกอบรมการบิน เช่นเดียวกับคลังอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหาร ถ้อยแถลงระบุ
ปูติน ให้จำกัดความเหตุการณ์ลอบก่อวินาศกรรมทางรางที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการก่อการร้ายที่ลงมือโดยรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในเคียฟ" ซึ่งเขากล่าวว่า "กำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นองค์กรก่อการร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ"
มอสโก กล่าวหาเคียฟ ยกระดับการโจมตีในความพยายามบ่อนทำลายข้อตกลงสันติภาพที่สหรัฐฯสนับสนุนพร้อมอ้างว่าทรัมป์ได้รับข้อมูลเฉพาะที่ถูกคัดกรองมาแล้ว จากบุคคลต่างๆที่พยายามผลักดันให้วอชิงตันเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)