xs
xsm
sm
md
lg

"หมอตุลย์" ตอกกลับ รมว.สธ.ไม่มีอำนาจพิจารณาจริยธรรมกรรมการแพทยสภา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:

จากกรณีที่นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ส่งบันทึกถึงผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา กรณีส่งข้อความในกลุ่มไลน์แพทยสภา เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และมีอคติในการวินิจฉัยการรักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างถึงหนังสือร้องเรียนของนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ขอให้พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภานั้น

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี นำรายชื่อของแพทย์ ออกแถลงการณ์แจ้งต่อสื่อมวลชน แจงรายละเอียดเหตุโต้การร้องเรียนของทีมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า

1.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆในการพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา

2.แพทยสภามีอำนาจหน้าที่พิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น หากเป็นการกระทำผิดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในเรื่องอื่นใด ที่ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพเวชกรรม แพทยสภาไม่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องนี้ เช่น การฉ้อโกง หนีภาษี หรือขโมยของ ทำร้ายร่างกาย อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายแพ่ง-อาญา อันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของวิชาชีพแพทย์ เมื่อหน่วยงานอื่นได้สอบสวนลงโทษแล้ว และมีผู้กล่าวโทษต่อแพทยสภา แพทยสภาจึงจะพิจารณาว่าผู้ประกอบวิชาชีพนั้นจะต้องถูกลงโทษหรือไม่ในสถานใด

3.เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า มีการอ้างถึงแชตไลน์ 2 กลุ่ม แชตดังกล่าวที่พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ไลน์กลุ่มของกรรมการแพทยสภา ซึ่งในสื่อถูกตัดชื่อกลุ่มออกไป โดยเป็นแชตไลน์ที่เขียนโดยแพทย์ท่านหนึ่ง ที่ไม่ใช่กรรมการแพทยสภา หากจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผอ.ศูนย์ ปอท. ก็ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง คือ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ร้องเรียน หรือกล่าวได้ว่า เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหรือสิทธิใดๆ ในการร้องต่อ ผอ.ศูนย์ ปอท. อนึ่งศูนย์ ปอท. มีหน้าที่สอบสวนคดีที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ที่แชตไลน์ และกรรมการแพทยสภา

4.เมื่อแชตดังกล่าวไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มของแพทยสภา แม้กรรมการแพทยสภาท่านหนึ่งจะมากดตอบ Yesss ก็ตอบในไลน์กลุ่มนั้น (ซึ่งย้ำว่าไม่ใช่ไลน์กลุ่มแพทยสภา) ก็ไม่ได้มาตอบในฐานะกรรมการแพทยสภา แต่เป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่งในไลน์กลุ่มนี้

5.การที่นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข นำแชตไลน์ที่พาดพิงในทางลบต่อนายทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะมีการส่งต่อจากผู้ที่เป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์นั้นส่งมาให้ จึงนับเป็นการเสียมารยาททางการอยู่ในไลน์กลุ่มอย่างร้ายแรง และการเปิดเผยแชตไลน์ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำของนายธนกฤตเอง ที่เผยแพร่แชตที่เป็นผลเสียต่อนายทักษิณ ชินวัตร ให้คนรับรู้และเห็นด้วยทั่วประเทศ

6.เมื่อตรวจสอบไลน์แชตกลุ่มของกรรมการแพทยสภา ที่นายธนกฤตนำมาเปิดเผย พบว่าเป็นข้อความที่ส่งต่อมาจากกลุ่มแพทย์และประชาชนที่สนับสนุนการลงมติของแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 และเรียกร้องให้กรรมการแพทยสภามาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในวันที่ 12 มิ.ย. 2568 และออกเสียงยืนยันมติเดิมที่ถูกยับยั้งโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษ เพราะแพทย์และประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับเหตุผลในการยับยั้งมติของแพทยสภา

7.กรรมการแพทยสภาพิจารณาและลงมติการรักษานายทักษิณ ชินวัตร โดยแพทย์ทั้ง 4 ท่านที่ถูกกล่าวโทษตามพยานหลักฐานจากการสอบปากคำพยานบุคคลจำนวนหลายปาก และเอกสารที่ได้จากกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลรตำรวจ พร้อมด้วยความเห็นจากราชวิทยาลัยแพทย์ที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่า เมื่อไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ชี้ชัดว่า (นายทักษิณ ชินวัตร) มีการป่วยวิกฤติ ตามการออกความเห็นทางการแพทย์ของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หรือการเขียนเอกสารแสดงความเห็นทางการแพทย์ ที่ไม่ตรงตามความจริง เช่น ระบุว่าป่วยหนัก ต้องรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถส่งกลับไปรักษาต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลตำรวจแล้ว และสามารถส่งตัวกลับไปรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ การดำเนินการพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ผู้ตรวจรักษานายทักษิณ ชินวัตร จึงมีความจริงจากหลักฐานประกอบการพิจารณา โดยปราศจากอคติ ไม่ได้เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานตามคำร้องเรียนแต่อย่างใด

แถลงการณ์ให้กำลังใจแพทยสภาที่ปรากฏในไลน์กลุ่มแพทยสภา เกิดขึ้นหลังจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณามติแพทยสภา จนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษ มีมติยับยั้งมติเดิมของแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 แชตดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อการลงมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 อย่างแน่นอน ขอย้ำอีกครั้งว่า รมว.สาธารณสุข มีอำนาจต่อการทำหน้าที่ของแพทย์ และบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสังกัดอื่น และไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกรรมการแพทยสภาแต่อย่างใด