xs
xsm
sm
md
lg

“เกรียงศักดิ์” เตือน รบ.เสี่ยงล้มทั้งยืน หากปล่อยชายแดนไทย-เขมร ปะทุ เชื่อผู้นำ 2 ฝ่ายรู้กัน หวังกลบ-เบี่ยงข่าวร้อนในประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ดร.แดน ชี้ชายแดนไทย-เขมร สั่นคลอนรัฐบาล เตือนครั้งที่ 2 รัฐบาลอาจล้ม หากแก้ปัญหาไม่ถูกวิธี ชี้เขมรรุกเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ผู้นำสองฝ่ายรู้กัน หวังเบี่ยงประเด็นการเมืองในไทย สถานการณ์บานปลาย กองทัพอึดอัด เสี่ยงรัฐประหาร

วันนี้(6 มิ.ย.)ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโสมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ว่า เป็นการเตือนอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ว่ารัฐบาลไทยจะล้มถ้าไม่จัดการปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา หรือเขมรอย่างถูกวิธี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาตั้งแต่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการรุกล้ำจากฝั่งเขมรเข้ามาและเกิดการปะทะกัน มีผู้เสียชีวิตจากฝั่งกัมพูชา และฝ่ายไทยเสนอให้ใช้การเจรจาผ่าน คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission - JBC) เป็นกลไกทวิภาคี และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา แต่ผ่านไปกว่าสัปดาห์รัฐบาลไทยบอกแค่ต้องการเจรจา ขณะที่ ฮุน เซน และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาประกาศชัดเจนว่าไม่ขอเจรจา แต่ยืนยันจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก ซึ่งนายภูมิธรรมเวชชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็พยายามหาทางออกและเดินทางไปเจรจาที่สระแก้วกลับรองนายกฯและ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา

“สถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาลไทยที่ผ่านมา จนถึงวันนี้มีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อดูแล้วสามารถลุกลามไปถึงขั้นล้มกระดานรัฐบาลได้ เพราะมีเรื่องรุมเร้ามาหลายเรื่องมากมาย ทั้งเหตุการณ์ชั้น 14 กลไกการผ่านการแก้งบประมาณแผ่นดิน เรื่องฮั้วสว. หากจัดการไม่ถูกต้องสถานการณ์อาจจะลุกขึ้นจนถึงล้มกระดานได้ รัฐบาลจะอยู่ยาก”

ประธานสถาบันการสร้างชาติ วิเคราะห์ถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดโดยบังเอิญแต่เป็นความจงใจทางยุทธศาสตร์ของฝั่งเขมรที่ต้องการอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งฝั่งเขมรและแน่นอนว่า สามารถพูดจากันได้เพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้นำเขมรและไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งความสัมพันธ์อันดี ระหว่าง ฮุน เซน กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขมรเริ่มสร้างปัญหาความขัดแย้ง ตนมองว่า การเมืองระดับโลก มีความโยงใยการเมืองภายในชาติทั้งสิ้น ดังนั้น เหตุการณ์เขมรรุกคืบเพราะต้องการครองการเมืองในเขมร ปลุกกระแสรักชาติให้รัฐบาลเกิดความเข้มแข็ง

“เชื่อว่า ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายรู้กัน หวังจะเบี่ยงประเด็นกลบข่าวทางการเมืองในประเทศไทย เพื่อต้องการลากเวลาให้ยาวขึ้น สร้างกระแสชาตินิยม แต่กลับเป็น Backfire ตรงข้ามจนทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมาก ทำกองทัพอึดอัด ยิ่งส่งสัญญาณ อาจนำไปสู่การรัฐประหาร หรือ เกิดจริยสงครามเร็วขึ้น”

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์นี้ ฮุน เซน ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ การปลุกกระแสชาตินิยมให้ ”ฮุน มาเนต“ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองท้องถิ่นเขมรให้มีอำนาจเข้มแข็งขึ้น พูดซ้ำๆไม่เจรจาทวิภาคีทั้งสิ้น โดยยืนกรานจะไปขึ้นศาลโลก มองว่า ฝั่งเขมรเป็นการพูดทางการเมืองเพื่อปลุกกระแสนิยมรักชาติ แต่ไทยไม่รู้เรื่อง จะยึดแต่ MOU 43 โดยใช้การเจรจาผ่านJBC/GBC

ขณะที่เขมรได้คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะริเริ่มมาจากฝ่ายไทยที่อยากได้ประโยชน์ทางการเมืองจากเหตุการณ์นี้ คิดว่ามีการรู้กันของฝ่ายการเมืองไทย ผู้นำทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ รัฐบาลแสดงออกถึงความอ่อนแอ ปวกเปียก เป็นการกำหนดบทให้ช่วยกันเล่น ระหว่างผู้นำเขมรกับไทย คิดว่ามีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลไทยอยู่ขณะนี้ และต้องการเลื่อนปัญหาออกไป

“รัฐบาลร่อแร่อยู่แล้วเคยพูดไปสองถึงสามเดือนและพูดมาเป็นปี ๆ ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามา เพราะปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลอยู่หนักข้อพอประมาณและรุกคืบขึ้นมาเรื่อยๆ ก.ค.-ก.ย. สถานการณ์ทางการเมืองยิ่งจะเข้มข้นมากรัฐบาลและพรรครวมทุกพรรคก็ไม่พร้อมจะไปเลือกตั้งยังไม่อยากเลือกตั้งต้องประนีประนอมกันทุกทางสุดความสามารถแต่ก็ต้องให้ได้เปรียบกันมากที่สุด คงจะมีการปรับครม.ให้ทันเพื่อหวังผลการเลือกตั้งรอบหน้า ซึ่งสถานการณ์จะทันหรือไม่ก็ไม่รู้ และมีปัญหาศึกใหญ่ 13 มิ.ย.นี้คดีชั้น 14 มติแพทยสภาจะเป็นตัวเริ่มต้นสถานการณ์ ท้ายสุด ปัญหาจะผลักไปสู่ นิติสงครามการใช้กฎหมายเข้ามาแก้ปัญหา โลกได้เรียนรู้ นิติสงคราม จากไทยที่ตนให้คำใหม่ว่า จริยนิติสงครามเอาจริยธรรม มารองรับด้วยกฎหมาย จะมีวิธีการทางพิเศษทางกฎหมายที่เป็นไปตามครรลอง

ทั้งนี้ ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ย้ำว่า ตนได้เคยเตือนครั้งแรกอย่างชัดเจนเรื่องรัฐบาลจะล้มหากยังตัดสินใจผลักดันกาสิโน ซึ่งยังมีความพยายามผลักดันต่อและมีปัญหาใหม่มาเพิ่มคือชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นความร่วมมือกันกับกัมพูชาให้เกิดประโยชน์ทางการเมืองทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย เพื่อพยายามจะเบี่ยงประเด็น ที่กระดานกำลังลุกเป็นไฟอยู่ในขณะนี้ การเมืองคือสร้างข่าวใหม่กลบข่าวเก่า เป็นการจัดฉากที่ไม่ปกติ เพื่อพยายามประคองให้รัฐบาลอยู่ให้ยาว เพื่อมีเวลาเจรจา เพื่อจะให้เลยกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกันยายนให้ได้

“ต้องอ่านหมากให้ลึก ต้องระมัดระวังเพราะภาษาอังกฤษจะกลายเป็น Backfire เกิดอะไรที่นึกไม่ถึงเกินกว่าที่คิดไว้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลจัดการไม่จริงจังไม่เต็มที่ ทำให้กองทัพ ทหารอึดอัด มีการประชุมแต่ละเหล่าทัพและกระบวนการที่ออกมาเห็นชัดว่าทหารไม่ยอม จะยิ่งส่งสัญญาณบอกว่านำไปสู่การรัฐประหาร หรือไปสู่จริยสงครามเร็วขึ้น จึงขอเตือนรัฐบาลอีกครั้ง ไม่มีใครอยากให้มีการรัฐประหาร แต่ถ้ารัฐบาลไม่แสดงความเข้มแข็ง รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ อาจถึงขั้นล้มกระดานได้เลย สถานการณ์นี้ไทยต้องไม่เสียเปรียบ ไม่เสียดินแดน รัฐบาลต้องไม่หน่อมแน้มแสดงความเข้มแข็งกว่านี้ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจ แต่ถ้าปล่อยให้เขมรยึดพื้นที่นานในระยะยาว เขมรจะได้เปรียบเรื่องดินแดน ไทยจะเสียหายถ้าไม่ระมัดระวังและอันตรายมาก รัฐบาลพยายามจะตบทหารเข้าลู่ทาง แต่ทหารชักไม่ยอม ทำให้รัฐบาลเสียภาพลักษณ์และเกิดความหวาดหวั่นเกิดกระแสคนเอาดอกไม้ไปให้ทหาร ตนไม่อยากให้เกิดรัฐประหาร หรือทำอะไรนอกระบบ แต่ดูทรงการเมืองแล้ว ภาพจะเกิดจริยนิติสงครามเร็วขึ้น หากการเมืองไทยไร้เสถียรภาพจะนำไปสู่การล้มกระดานของรัฐบาลได้เร็วกว่าที่คิด ยิ่งทำให้สถานการณ์อันตรายมาก ขอให้ให้กำลังใจทุกฝ่าย การเบี่ยงประเด็นอาจจะทำให้เป็นการเร่งเครื่องให้ล้มได้เร็วขึ้น รัฐบาลจะไปเร็วกว่าที่คิด จึงขอส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล โดยไม่ได้คิดร้ายแต่เอาประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง”ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น