ปี 2025 ไตรมาสแรก เทสล่าประสบปัญหายอดขายลดลงทั่วโลก ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจากค่ายรถไฟฟ้าจีนและแบรนด์ดั้งเดิมในสหรัฐ ขณะที่ในจีน เทสล่าพยายามปรับกลยุทธ์สู้ศึก ในไทย เทสล่ากำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ในการเจาะตลาดที่มีคู่แข่งท้องถิ่นและจีนครองเกม
สถานการณ์ยอดขายไตรมาสแรก 2025 และปัญหาในสหรัฐ
ในไตรมาสแรกของปี 2025 เทสล่าประสบกับยอดขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดส่งมอบรถยนต์ทั่วโลก 336,681 คัน ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2024 ซึ่งนับเป็นยอดขายที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบในสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเทสล่า มาจากการแข่งขันที่รุนแรงจากค่ายรถยนต์ดั้งเดิมอย่าง General Motors (GM) และ Ford รวมถึงกระแสต่อต้านจากพฤติกรรมทางการเมืองของซีอีโอ อีลอน มัสก์ ซึ่งมีส่วนทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหาย การสนับสนุนของมัสก์ต่อนโยบายฝ่ายขวาและการมีส่วนร่วมในบริหารของทรัมป์ ทำให้เกิดการประท้วงและการก่อกวนสถานีชาร์จและโชว์รูมของเทสล่า ส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนหันไปเลือกแบรนด์อื่น เช่น Chevrolet Equinox EV ของ GM ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 35,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่รุ่น Model Y รีเฟรชทำให้การผลิตหยุดชะงักชั่วคราว ส่งผลต่อยอดส่งมอบในช่วงไตรมาสแรก
การแข่งขันในจีน: สู้ศึกหนักกับคู่แข่งท้องถิ่น
ในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทสล่ามียอดขายรถยนต์ที่ผลิตในจีนลดลง 11.5% ในเดือนมีนาคม 2025 (78,828 คัน) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลาดจีนมีการแข่งขันที่ดุเดือดจากผู้ผลิตรถยนต์ท้องถิ่นอย่าง BYD, Xpeng และ NIO ซึ่งสามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกกว่าและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้ดีกว่า BYD ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 34% มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดรวมกว่า 371,419 คันในเดือนมีนาคม 2025 และมีรุ่นที่ราคาเริ่มต้นต่ำ เช่น Seagull (136,800 หยวน) และ Yuan Plus (96,800 หยวน) ซึ่งถูกกว่า Model Y และ Model 3 ของเทสล่าที่มีราคาเริ่มต้นที่ 239,900 หยวนและ 231,900 หยวนตามลำดับ
สถานการณ์ในไทย: โอกาสและความท้าทาย
ในประเทศไทย ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าและเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เทสล่าต้องเผชิญกับการแข่งขันจากทั้งแบรนด์จีน เช่น BYD และ MG Motor รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ท้องถิ่นที่เริ่มหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD มีความได้เปรียบในไทยจากราคาที่เข้าถึงได้และการลงทุนในโรงงานผลิตในประเทศ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
เทสล่าได้เริ่มขยายโครงข่ายสถานีชาร์จ Supercharger ในไทย และวางแผนเปิดโชว์รูมเพิ่มเพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า อย่างไรก็ตาม ราคารถยนต์เทสล่าที่ยังสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งจีน เช่น BYD Atto 3 หรือ MG ZS EV อาจเป็นอุปสรรคในการเจาะตลาดแมสในไทย ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและราคาที่จับต้องได้ การปรับตัวของเทสล่าอาจรวมถึงการนำเสนอรุ่นราคาประหยัดที่มัสก์เคยให้สัญญาไว้ว่าจะเปิดตัวในปี 2025 ซึ่งหากสำเร็จอาจช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในไทย
เทสล่าพยายามปรับตัวในจีนด้วยการลดราคา Model Y ลง 10,000 หยวน และเสนอสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี รวมถึงการเปิดตัว Model Y รีเฟรชที่มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น ไฟหน้าแบบเต็มความกว้างและหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง อย่างไรก็ตาม การขาดระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Self-Driving) ที่ยังรอการอนุมัติด้านกฎระเบียบในจีน ทำให้เทสล่าสูญเสียความได้เปรียบให้กับคู่แข่งท้องถิ่นที่รวมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงเป็นฟีเจอร์พื้นฐาน นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนการผลิตในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่รุ่นใหม่ยังทำให้ลูกค้าในเซี่ยงไฮ้ต้องรอการส่งมอบ
กลยุทธ์การปรับตัวและอนาคต
เพื่อรับมือกับความท้าทาย เทสล่ากำลังมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งมัสก์มองว่าเป็นจุดแข็งในระยะยาว นอกจากนี้ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นราคาประหยัดที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในโรงงาน Giga Texas ในปี 2025 อาจช่วยให้เทสล่าสามารถแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งจีนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในระยะสั้นขึ้นอยู่กับการจัดการภาพลักษณ์ของแบรนด์และการแก้ปัญหาการผลิต เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที
ในไทย เทสล่าจะต้องเร่งสร้างความไว้วางใจในแบรนด์และขยายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จ เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่ครองใจผู้บริโภคด้วยราคาและการเข้าถึง การแข่งขันในสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 ยังคงเข้มข้น และเทสล่าจะต้องใช้ทั้งนวัตกรรมและกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคมเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาดโลกและขยายอิทธิพลในตลาดเกิดใหม่อย่างไทย
บทสรุป: เทสล่าต้องเร่งปรับกลยุทธ์
ปี 2025 เป็นปีที่เทสล่าต้องเผชิญกับความท้าทายจากหลายด้าน ทั้งในสหรัฐฯ จีน และไทย การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์ท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้เทสล่าต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ทั้งในด้านการตลาด การพัฒนาเทคโนโลยี และการตั้งราคาที่เหมาะสม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า