ยูเครนประกาศพร้อมดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อบรรลุสันติภาพ ระหว่างการเจรจาหารือกับรัสเซียเป็นครั้งที่ 2 ที่เมืองอิสตันบูล ของตุรกี ในวันจันทร์ (2 มิ.ย.) หรือหนึ่งวันหลังจากที่เคียฟอวดว่า ปฏิบัติการลับใช้กองทัพโดรนโจมตีที่วางแผนมานานกว่าปีของตน สามารถทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซียกว่า 40 ลำ ความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นแล้วมอสโกยังเผยว่า เกิดเหตุระเบิดสะพาน 2 แห่งในแดนหมีขาวเมื่อวันเสาร์ (31 พ.ค.) และอาทิตย์ (1) มีผู้เสียชีวิต 7 คน
มอสโกและเคียฟเปิดเจรจาโดยตรงเป็นครั้งแรกหลังว่างเว้นไปกว่า 2 ปี เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ตามการเร่งเร้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยการเจรจาจบลงในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง และทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แค่เพียงการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกันเท่านั้น ขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปเช่นเดิม
สำหรับการหารือในวันจันทร์ซึ่งเป็นนัดที่ 2 ยังกำหนดจัดขึ้นที่เมืองอิสตันบูล ของตุรกีเช่นเดิม โดย วลาดิมีร์ เมดินสกี้ ผู้ช่วยของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นหัวหน้าคณะเจรจาของรัสเซียเหมือนเดิม เช่นเดียวกับทีมเจรจาของยูเครนยังคงนำโดยรัฐมนตรีกลาโหม รัสเตม อูเมรอฟ โดยมีฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เป็นตัวกลางการเจรจา
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ กล่าวระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ลิทัวเนียเมื่อวันจันทร์ว่า ยูเครนพร้อมดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อสันติภาพ
ขณะที่มอสโกเผยว่า จะเสนอบันทึกความเข้าใจเงื่อนไขสันติภาพในการประชุมที่อิสตันบูล
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายบอกว่าไม่คาดหวังว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม เนื่องจากจุดยืนของทั้งสองประเทศยังแตกต่างกันมาก โดยเมื่อวันอาทิตย์ (1 มิ.ย.) เซเลนสกี้เรียกร้องการหยุดยิงทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ตามด้วยการแลกเปลี่ยนนักโทษ และส่งคืนเด็กที่ถูกลักพาตัวไป รวมถึงการหารือโดยตรงกับปูติน
ทว่า เครมลินคัดค้านการประชุมสุดยอดดังกล่าว โดยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความชอบธรรมของเซเลนสกี้ ที่วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาสิ้นสุดลงแล้ว ทว่ายังไม่มีการจัดเลือกตั้งใหม่ และย้ำข้อเรียกร้องให้ปลดประธานาธิบดียูเครนผู้นี้
นอกจากนั้นมอสโกยังต้องการให้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้ง ซึ่งหมายถึงการเรียกร้องให้จำกัดขนาดกองทัพยูเครน ห้ามเคียฟเข้าเป็นสมาชิกนาโต และยกดินแดนที่ถูกยึดครองให้รัสเซียทั้งหมด
ยูเครนและตะวันตกปฏิเสธข้อเรียกร้องเหล่านี้ และกล่าวหาว่า การรุกรานของรัสเซียมีเป้าหมายในการล่าดินแดนแบบจักรวรรดินิยม
การเจรจาที่ตุรกีคราวนี้ เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากยูเครนอวดว่าสามารถใช้โดรนเข้าโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ 41 ลำของรัสเซีย ที่จอดอยู่ในฐานทัพอากาศ 5 แห่ง ซึ่งอยู่ห่างกันหลายพันกิโลเมตรในแดนหมีขาว อีกทั้งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนกว่า 7,000 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการโจมตีที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเคียฟ
เอสบียู ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนบอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวที่มีชื่อว่า “ใยแมงมุม” ใช้เวลาวางแผนถึง 18 เดือน ใช้โดรน 117 ลำ และกำกับดูแลโดยเซเลนสกี้ ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การลักลอบส่งโดรนเข้าไปในรัสเซีย จากนั้นก็นำเอาโดรนเหล่านี้ไปซ่อนไว้ในบ้านเคลื่อนที่ทำด้วยไม้ ต่อมาจึงซ่อนพวกมันใต้หลังคาของบ้านเหล่านี้ที่ยกขึ้นติดตั้งเอาไว้บนรถบรรทุกหลายๆ คัน
เมื่อถึงจังหวะเวลาที่นัดหมาย บ้านติดตั้งบนรถบรรทุกเหล่านี้ซึ่งขับไปจอดใกล้ฐานทัพอากาศรัสเซียที่ตกเป็นเป้าหมาย ก็จะถูกสั่งการด้วยรีโมตคอนโทรลให้เปิดหลังคาออก แล้วโดรนก็บินไปถล่มโจมตีใส่เครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย
เอสบียูระบุว่า การโจมตีครั้งนี้สามารถทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ที่ติดตั้งขีปนาวุธร่อนของรัสเซียได้ถึง 34% และสร้างความเสียหายราว 7,000 ล้านดอลลาร์
เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยด้วยว่า เครื่องบินรัสเซีย 41 ลำซึ่งถูกโจมตีในตอนบ่ายวันอาทิตย์คราวนี้ มีทั้งแบบ เอ-50, ตู-95, และ ตู-22เอ็ม โดยที่ก่อนหน้านี้มอสโกเคยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล ตู-95, และ ตู-22เอ็ม ในการยิงขีปนาวุธเข้าใส่ยูเครน ขณะที่ เอ-50 ถูกใช้ในการร่วมมือประสานงานเข้าโจมตีเป้าหมายรวมทั้งเฝ้าติดตามระบบการป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธนำวิถี
เซเลนสกี้ยังอวดอ้างว่า เอสบียูตั้งศูนย์บัญชาการการปฏิบัติการครั้งนี้ ในบริเวณตรงข้ามกับสำนักงานประจำภูมิภาคของหน่วยข่าวกรองเอฟเอสบีของรัสเซีย และสายลับทั้งหมดในปฏิบัติการนี้เดินทางออกจากรัสเซียก่อนเริ่มปฏิบัติการ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับเพียงว่า ฐานทัพอากาศที่แคว้นเอียร์คุตสก์ ห่างจากยูเครนกว่า 4,000 กิโลเมตร และแคว้นมูร์มันสก์ทางภาคเหนือถูกโจมตี ซึ่งทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหายและเกิดไฟไหม้ อย่างไรก็ตาม รัสเซียสามารถสกัดการโจมตีในแคว้นอามูร์ทางตะวันออกสุด และแคว้นอิวาโนโวและไรยาซานทางตะวันตก
ในอีกด้านหนึ่ง หน่วยงานสอบสวนของรัสเซียยังเผยว่า เกิดเหตุระเบิดที่ทำให้สะพานในแคว้นบรีแยนสก์ ที่อยู่ติดกับยูเครนถล่มและทำให้ขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่มอสโกตกราง มีผู้เสียชีวิต 7 คนเมื่อวันเสาร์ จากนั้นก็เกิดเหตุระเบิดที่สะพานอีกแห่งในแคว้นคูร์สก์ที่อยู่ติดกันเมื่อเช้าวันอาทิตย์ ทำให้รถไฟตกรางและคนขับได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียไม่ได้ระบุว่า เหตุระเบิดทั้งสองครั้งเป็นฝีมือฝ่ายใด แต่ได้เริ่มต้นการสอบสวนคดีอาญาแล้ว
ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศยูเครนแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัสเซียส่งโดรน 472 ลำเข้าโจมตียูเครน ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับจากเริ่มสงครามในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นอกจากนั้นยัง ยิงขีปนาวุธ 7 ลูกใส่ยูเครน
ด้านกองทัพบกยูเครนเผยว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีศูนย์ฝึกทหารยูเครนเมื่อเช้าวันอาทิตย์ ส่งผลให้ทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 12 นาย บาดเจ็บกว่า 60 นาย และมิไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการทหารบกยูเครน ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้
(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์)