xs
xsm
sm
md
lg

ตาวัย 76 หวิดดับสังเวย! หลังเอกชนอ้างสิทธิ์ซื้อที่ปี 65 ก่อกำแพงปิดทางสาธารณะที่ชาวบ้านอยู่มานับ 100 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ลำปาง - เผยนาทีผู้เฒ่าวัย 76 หวิดดับ จังหวะมุดออกรั้วของที่แบกติดขอบกำแพงจนร่างหลังร่วงตกบันไดคอเกือบหัก หลังเอกชนอ้างสิทธิ์โฉนดซื้อมาปี 65 แล้วก่อกำแพงปิดทางที่ชาวบ้านใช้มานับ 100 ปี ร้อง สนง.ยุติธรรมแล้วถูกปฏิเสธ-ศูนย์ดำรงธรรมชี้เป็นทางสาธารณะ ผ่านมา 5 เดือนยังเงียบ



คลิปที่น่าสะเทือนใจ ที่ชาวบ้านเปิดให้ดู เป็นคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกวินาทีที่ “ตาสมพร” วัย 76 ปี ชาวบ้านหนองสง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 ครัวเรือนในชุมชนแห่งนี้ ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการที่เอกชนรายหนึ่งอ้างสิทธิ์ตามโฉนดจากการซื้อที่ดินในพื้นที่ข้างเคียงที่ชาวบ้านอาศัยอยู่มากกว่า 100 ปี ทำการปิดทางเข้าออกของชาวบ้าน จนต้องเจาะรั้วกำแพงด้านข้างและทำบันไดเพื่อเดินมุดเข้าออก อย่างน่าเวทนา ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567

กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 ตาสมพร อายุ 76 ปี ซึ่งมุดเข้าออกบ้านบริเวณรั้วดังกล่าวและต้องแบกสัมภาระหลายอย่าง เมื่อก้าวเท้าขึ้นบันไดและกำลังก้มต่ำเพื่อมุดออกจากช่อง ของที่แบกไปติดคานรั้วทำให้เสียหลักหงายหลังตกลงจากบันได้ร่างกระแทกกับพื้นเสียงดัง

จากภาพกล้องวงปิดจะเห็นว่า ตาสมพรยังโชคดีมากที่คอไม่หัก เพราะช่วงตกกระแทกพื้นคอ-ศีรษะ กระแทกพื้นในท่าคอพับเกือบ 90 องศา ก่อนที่ร่างจะม้วนและกระทบกับพื้นซีเมนต์ จากนั้นก็นอนนิ่งไปครู่หนึ่งคาดว่าน่าจะมึนงง ก่อนที่จะค่อยพยายามลุกขึ้น

ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครเห็น แต่เพื่อนบ้านได้ยินเสียงร้องและเสียงกระแทก จึงออกมาดู ซึ่งตาสมพร ก็พยายามยืนขึ้นแต่ก็คาดว่ายังมีอาการมึน จึงก้มหน้าลง ก่อนจะนั่งลงพิงกับกำแพง จากนั้นเพื่อนบ้านได้ไปนำเก้าอี้มาให้นั่ง ซึ่งก็พบว่า ตาสมพรศีรษะแตกเพราะกระแทกกับพื้น และประสานรถกู้ภัยมานำตัวไปโรงพยาบาล

เหตุการณ์ดังกล่าวยังถือว่าโชคดีที่ไม่ถึงชีวิต แต่ชาวบ้านในพื้นต้องทนกับเรื่องราวนี้มากว่า 1 ปี โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องมุดเข้าออกรั้วกำแพงแบบไร้การดูแล และการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงอยากร้องไปถึงเทศบาลนครลำปางให้รีบดำเนินการตามข้อสรุปในที่ประชุมระดับจังหวัด เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่ให้ทำการเพิกถอนสิทธิบางส่วนที่เป็นทางสาธารณะออกโดยเร็ว เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมาก

สำหรับเรื่องนี้ ชาวบ้านหนองสง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองลำปาง เขตเทศบาลนครลำปาง ได้ออกมาร้องเรียนสื่อมวลชนเมื่อเดือนเมษายน 67 ว่าเอกชนรายหนึ่งอ้างเอกสิทธิ์ที่ซื้อจากเจ้าของเดิม ปิดทางเข้าออกของชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่มากกว่า100ปี ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถนำรถยนต์-มอเตอร์ไซค์พ่วง หรือรถเข็นขายของ เข้าไปจอดในบ้านได้ แม้แต่การเข้า-ออกบ้าน ก็ต้องเจาะรั้วของเอกชนอีกฝั่งมุดเข้าออกอย่างน่าเวทนา โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่จะต้องเข้าออกอย่างทุลักทะเล ยามเจ็บป่วยก็แสนจะสลดใจเพราะหมอและกู้ชีพกู้ภัยก็ต้องหามเปลคนป่วยมุดรั้วเข้า-ออก ด้วย

ชาวบ้านได้ร้องขอความช่วยเหลือไปหลายทาง ทั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดลำปาง สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 ครั้ง สุดท้ายปฏิเสธให้การช่วยเหลือ โดยอ้างถึงข้อกฎหมายที่ว่าพื้นที่ดังกล่าว ที่ชาวบ้าน 13 หลังคาเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินสาธารณะประโยชน์ โดยไม่มีสิทธิใดและได้ใช้ทางสัญจรผ่านที่ดินของผู้ที่มีชื่อในโฉนด (ซื้อเมื่อปี 2565)

ขณะที่เอกชนรายดังกล่าวได้ทำหนังสือร้องไปยังเทศบาลนครลำปางผู้ดูแลพื้นที่ให้ขับไล่ชาวบ้านนทั้งหมดออก โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ และทางเทศบาลนครลำปางได้เข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงจากชาวบ้านไปแล้ว

ระหว่างที่ชาวบ้านรอการช่วยเหลือทางเอกชนรายดังกล่าวยังอ้างสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนด ขอให้ กฟภ.ย้ายเสาไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมออกจากพื้นที่โฉนด แต่ชาวบ้านได้คัดด้านไว้ให้รอจนกว่าข้อพิพาทจะแล้วเสร็จ ซึ่งทาง กฟภ.ถูกเอกชนกดดัน จึงจะเข้ามาทำการย้ายเสาไฟฟ้าแต่ก็ถูกชาวบ้านคัดค้าน กฟภ.จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง

จากนั้นได้มีการเชิญทุกภาคส่วนร่วมประชุม ในวันที่ 3 ธ.ค.2567 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดลำปาง ได้ข้อสรุปให้ชะลอการย้ายหรือรื้อถอนเสาไฟฟ้าไปก่อน เนื่องจากหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชน์ กำลังสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์สิทธิ ว่าที่ดินในส่วนทางพิพาทดังกล่าวเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือไม่

แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าทางเทศบาลนครลำปางว่าได้ดำเนินการอย่างไรไปแล้วบ้าง เพราะชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และด้วยต้องมุดเข้าออกทุกวันทำให้เกิดเหตุคุณตาพรเสียหลักหงายหลังตกลงบันได้ขระมุดรั้วเกือบเอาชีวิตไม่รอดดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น