xs
xsm
sm
md
lg

เคาะแนวรถไฟทางคู่สายใหม่”สุพรรณบุรี-บ้านภาชี” เวนคืน 3 พันไร่เชื่อมโครงข่ายเพิ่มศักยภาพขนส่งสินค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เคาะแล้วรถไฟทางคู่สายใหม่”สุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี”แนวที่ 3 เวนคืนกว่า 3 พันไร่ สร้างทางใหม่ 65.5 กม. รฟท. ตั้งงบ 57 ล้านบาทออกแบบรายละเอียด - ศึกษา EIA เริ่มก่อสร้างปี 72 พร้อมดันทางคู่ช่วงสุพรรณบุรี-หนองปลาดุก เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟทั่วประเทศสะดวก
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่รฟท.ได้ดำเนินงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ช่วงสุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี ขณะนี้ ได้ข้อสรุปการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้น (Prelliminary Design ) และคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมแล้ว รวมถึงจัดทำรายนงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) โดยโครงการทางรถไฟสาย สุพรรณบุรี-บ้านภาชี อยู่ในโครงการรถไฟทางคู่ระยะถัดจากรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 โดยเป็นแผนเร่งด่วนลำดับต้นๆ ซึ่งตามผลศึกษาพบเป็นเส้นทางที่มีความคุ้มค่าและเป็นโครงข่ายสำคัญในการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟที่มีในปัจจุบัน และรองรับ การขนส่งสินค้า จากภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และไปยังภาคใต้ โดยไม่ผ่านกรุงเทพฯและปริมณฑล และเห็นว่า ควรศึกษา พัฒนา เส้นทางช่วง สุพรรณบุรี-หนองปลาดุก ซึ่งปัจจุบันเป็นทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ตลอดสาย แก้ปัญหาคอขวด ในอนาคต

@ตั้งงบ 57 ล้านออกแบบรายละเอียด - ศึกษา EIA

โดยตามแผน ทางรถไฟ ช่วงสุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี ดำเนินการความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้น ระยะเวลา 300 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. 2567- วันที่ 11 มิ.ย. 2568 จะเป็นการศึกษาออกแบบรายละเอียดและการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ปี 2568-2569 วงเงิน 57 ล้านบาท (งบผูกพัน ปี 68 วงเงิน 11.4 ล้านบาท ปี 69 วงเงิน 45.6 ล้านบาท ) ขอความเห็นชอบรายงาน EIA ปี 2570 นำเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติโครงการในปี 2571 ออกพ.ร.ฎ.เวนคืนและเริ่มก่อสร้างในปี 2572เปิดให้บริการในปี 2576
“ทางจังหวัด และผู้ประกอบการในพื้นที่ มีความต้องการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยลดปริมาณรถบรรทุกบนถนนเส้นทางได้มาก แม้จะต้องเวนคืนตลอดเส้นทางแต่ผลศึกษา ระบุว่ามีความคุ้มค่า”


@เคาะแนวเส้นทางที่ 3 เหมาะสมที่สุด เวนคืนตัดเส้นทางใหม่ 65.50 กม.

โดยการศึกษาพบว่าแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมและได้คะแนนรวมสูงสุด คือทางเลือกที่ 3 จุดเริ่มต้นโครงการ ออกจากสถานีสะแกย่างหมู มุ่งทิศเหนือ ก่อสร้างทางคู่ใหม่ตามทางแนวเดิมจนถึงประมาณกม.ที่ 2+346 จากนั้นเบี่ยงขวาออกจากทางรถไฟเดิมก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟกับทางหลวงหมายเลข 357 (ทางเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี) ประมาณ 4.5 กม. มุ่งทิศตะวันออก ขนานทางหลวงหมายเลข 357 ข้ามแม่น้ำท่าจีน ผ่านทางหลวงหมายเลข 340 ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งผักไห่ ผ่านทางหลวง
หมายเลข 3454 ข้ามแม่น้ำน้อย ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งป่าโมก ผ่านทางหลวงหมายเลข 3412 ข้ามคลองบางหลวงผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งบางบาล ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางหลวงหมายเลข 309 บริเวณด้านทิศใต้ห่างจากตัวเมืองของอำเภอป่าโมก ประมาณ 6 กม. ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งบางกุ้ง ผ่านทางหลวงหมายเลข 347 และทางหลวงหมายเลข 32 ข้ามแม่น้ำลพบุรี แล้วจึงเบี่ยงแนวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามแม่น้ำป่าสัก ผ่านทางหลวงหมายเลข 3063 รองรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และการขนส่งสินค้าทางเรือ ของท่าเรือในเขต อ.นครหลวง แล้วจึงเข้าเชื่อมต่อทางรถไฟเดิมบริเวณก่อนถึงสถานีพระแก้ว ประมาณ กม.ที่ 67+952 จากนั้นทำการปรับปรุงทางเดิมจาก 3 ทางให้เป็น 4 ทาง จนเข้าบรรจบกับทางรถไฟเดิมบริเวณย่านสถานีชุมทางบ้านภาชี มีจุดสิ้นสุดที่สถานีชุมทางบ้านภาชี ประมาณ กม.ที่ 73+800

โดยเป็นแนวเส้นทางที่ใช้เขตทางเดิมบริเวณช่วงต้นโครงการระยะทางประมาณ 2.40 กม.เส้นทางตัดใหม่ที่ต้องมีการเวนคืนประมาณ 65.50 กม. และใช้เขตทางเดิมบริเวณปลายโครงการระยะทางประมาณ 5.90 กม. รวมระยะทางโครงการ 73.80 กม.


มีตำแหน่งสถานีทั้งหมด 4 สถานีได้แก่ สถานีสะแกย่างหมู สถานีสุพรรณบุรี (ใหม่) สถานีบ้านกุ่มท สถานีบางปะหัน พร้อมกับลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (CY) อีก 3 แห่งคือ CY สะแกย่างหมู CY บางปะหัน และ CY บ้านภาชี ทั้งนี้ประเมินต้องเวนคืนที่ดินประมาณ 3,448 ไร่ และรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างประมาณ 161 หลัง

การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ในเส้นทางดังกล่าว ในปีเปิดให้บริการ รวมประมาณ 2.7- 4.6 ล้านคน/ปีเพิ่มขึ้น เป็น 5.9 ล้านคนในปี 2580
คาดว่ามีปริมาณสินค้าใช้เส้นทาง ในปีแรก ประมาณ 7-11 ล้านตัน/ปี เพิ่มขึ้น เป็น 9.1-13.9 ล้านตัน ในปี 2580


อย่างไรก็ตาม เส้นทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด (อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง) เนื่องจากจะเป็นทางเลือกในการเดินทางและขนส่งสินค้าที่ประหยัดและปลอดภัย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งรวบรวมและกระจายสินค้าทางการเกษตร เป็นเส้นทางรถไฟสายใหม่ที่เชื่อมต่อในแนวตะวันตก-ตะวันออก เชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟเดิม ขนส่งสินค้าลงสู่ภาคใต้ โดยไม่ผ่านพื้นที่กรุงเทพ (บางซื่อ) และลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเชื้อเพลิง


กำลังโหลดความคิดเห็น