xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”กำลังพา “อุ๊งอิ๊งค์”พบจุดจบ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เชื่อว่าเวลานี้คงไม่ใช่เรื่อง “ทวงเก้าอี้มหาดไทย” ของ นายทักษิณ ชินวัตร กับพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายเนวิน ชิดชอบ เท่านั้น ที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากแทบทุกเรื่องที่ นายทักษิณ เข้ามาแทรกแซงชี้นำ หรือที่เขาเรียกว่า “เสือกทุกเรื่อง” กำลังเป็นปัญหาทั้งหมด

เริ่มจากเรื่องเศรษฐกิจ ที่ถือว่าเรื่อง “ปากท้อง” กระทบกับชาวบ้านทุกคน นับตั้งแต่ นายทักษิณ เข้ามาชี้นำแทรกแซง มีการนำเสนอนโยบายหลายอย่างให้กับรัฐบาลตั้งแต่เริ่มต้น แต่มาจนถึงวันนี้ทุกนโยบาย “ไม่เคยตรงปก” หรือนำมาปฏิบัติไม่ได้ เพราะหากย้อนกลับไปทบทวนนโยบายของพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท นโยบายเติมเงินให้ทุกครอบครัว และ “เงินหมื่นดิจิทัล” ที่เวลานี้ถือว่า“จบแล้ว”

แน่นอนว่า เมื่อเป็นแบบนี้ย่อมทำให้ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลต้องเสื่อมความนิยม เพราะทำไม่ได้ตามที่หาเสียงเอาไว้ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนเป็นการ“ประจาน” ให้เห็นว่า ความจริงเป็นแบบไหน คำพูดที่เคยคุยโม้เอาไว้ว่า ตัวเองเป็นกูรู เป็นผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ มาถึงตอนนี้คำว่า พรรคเพื่อไทย “คิดใหญ่ทำเป็น” หรือแม้แต่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยอวดตัวว่า “เจ๋ง” มาถึงตอนนี้ ถือว่าล้มเหลว

นี่ยังไม่นับกรณีที่กำลังต้องเผชิญกับ “สงครามภาษี” ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่สำนักวิจัยหลายสำนักทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาคาดการณ์ตรงกันว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น และปีหน้ายังมีโอกาสหดตัวลงไปอีก นี่ถือว่าเป็น “ข่าวร้าย” สำหรับคนไทยที่ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตต่ำสุดในกลุ่มอาเซียนอยู่แล้ว (โตต่ำว่าเมียนมา) เสียอีก

วกกลับมาที่กรณีการเข้ามาแทรกแซงของ นายทักษิณ ชินวัตร ในทุกเรื่องของรัฐบาล กำลังก่อให้เกิดหายนะ ยังมีอีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนใต้ ที่หากสังเกตจะเห็นว่า ในยุครัฐบาลชุดนี้ดูเหมือนว่า “ไฟใต้” กำลังกลับมาลุกโชนอีกครั้ง แม้ว่าอาจยังไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนกับในยุคที่ นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 44-45 ก็ตาม

แต่การลอบยิงเจ้าหน้าที่ พระเณร และชาวบ้าน กำลังกลับมาก่อเหตุเป็นรายวัน สร้างความสูญเสียในวงกว้าง

การลงไปเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ มีการนำเสนอแผนต่างๆ มากมาย ล่าสุดยังขู่ที่จะ “ยุบกอ.รมน.” หรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย อีกครั้ง โดยเขาเห็นว่าทำงานไม่คุ้มกับงบประมาณที่ทุ่มลงไป ซึ่งลักษณะกำลังจะคล้ายกับกรณีที่เคยยุบ “ศอ.บต.” หรือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ยุบกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.43) ก่อนหน้านี้ นั่นแหละ

ส่วนชายแดนด้านเหนือ คือ เมียนมา ที่ก่อนหน้านี้ถือวิสาวะเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาขัดแย้งภายใน อ้างว่าได้เชิญชนกลุ่มน้อยมาหารือ และไม่กี่สัปดาห์ก่อน ก็ได้คุยกับ พล.อ.อาวุโส มินอ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา อ้างว่า “รู้จักสนิทสนมกันมานาน” แต่ล่าสุดได้ขู่ใช้กำลังเข้าไปปราบปราม “ว้าแดง” เพื่อจัดการปัญหายาเสพติด ไม่ให้ทะลักเข้ามาในประเทศไทย

ต่อมาก็เป็นชายแดนด้านตะวันออกกับกัมพูชา ที่เวลานี้กำลังมีความตึงเครียดบริเวณ “ช่องบก” อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ทหารไทยได้ปะทะกับทหารกัมพูชา จากการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา จนเวลานี้มีการตรึงกำลังกันตลอดแนว แต่ทางฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บอกว่า ไม่มีปัญหา ระดับผู้นำคุยกันรู้เรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ย้ำว่าไม่มีปัญหาให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอยออกมาเพื่อลดความตึงเครียด ขณะที่ นายทักษิณ ก็ย้ำว่าคุยกันกับ “ฮุนเซน” ผู้มีอิทธิพลในกัมพูชาในแบบเดียวกันว่า ไม่มีปัญหา

แต่หากสรุปให้เห็นภาพก็ชัดเจนว่า ทุกเรื่อง ที่นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาแทรกแซง ชี้นำสั่งการล้วนมีปัญหาหมด ตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ จนถึงปัญหาชายแดนตั้งแต่ใต้เหนือออกตก

ล่าสุด ยังเกิดปัญหาการเมืองภายในรัฐบาล เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ขอทวงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จาก พรรคภูมิใจไทย ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคนั่งอยู่ในเวลานี้ มิหนำซ้ำยังไปตำหนิประจาน ว่าทำงานไม่ดี ประเภท “ผลงานไม่เอาไหน” นั่นแหละหากให้พูดกันตรงๆ

ท่าทีดังกล่าวของ นายทักษิณ ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สั่นคลอนหนักขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทั้งสองพรรคคือเพื่อและภูมิใจไทยมีปัญหา “ปีนเกลียว” กันหลายเรื่อง แม้ว่าส่วนใหญ่คนย่อมมองออกว่าเป็นเพราะ “ผลประโยชน์ไม่ลงตัว” กันก็ตาม แต่แน่นอนว่าเมื่อสองพรรคหลักในรัฐบาลขัดแย้งกัน มันก็ย่อมมีความเสี่ยงต่ออายุรัฐบาล แม้ว่าจะมองว่ายังไม่ถึงเวลาต้องแตกหัก เพราะต่างฝ่ายไม่อยากยุบสภา หรือไปเป็นฝ่ายค้าน อยากประคองให้รัฐบาลเดินไปให้นานที่สุดก็ตาม

แต่คำพูดและท่าทีดังกล่าวของ นายทักษิณ ย่อมส่งสัญญาณ “แรง” ถึงขั้น “ไม่แคร์และไม่เอา” พรรคภูมิใจไทยแล้ว แม้ว่าการ “ถีบ” ภูมิใจไทย ออกไปทำให้รัฐบาลใหม่มี“เสียงปริ่มน้ำ” ก็ตามที แต่ เพื่อผลในการเลือกตั้งคราวหน้า อาจทำให้เขาต้องการเสี่ยง อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าด้วยการเมืองแบบไทยๆ ที่เต็มไปด้วย “งูเห่า” ยังสามารถ “แจกกล้วย” มาเติมเต็มได้ไม่อยากก็ตาม

แต่เอาเป็นว่า ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ความตึงเครียดภายในรัฐบาลได้เพิ่มดีกรีสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีความเสี่ยงที่จะพังได้ตลอดเวลา

อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังผ่านร่างงบประมาณวาระแรกไปแล้ว โดยต้องจับตาไปที่พรรคภูมิใจไทย ว่าจะกล้าปรับออกหรือเปล่า

แต่จากคำพูดล่าสุด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แม้ว่าจะเก็บอาการแค่ไหนก็ตาม แต่ก็พอสังเกตได้ว่า “ไม่ค่อยแฮปปี้” นัก เพราะเหมือนถูกดีสเครดิตจนไม่มีค่า โดยเฉพาะคำว่า “ไม่มีผลงาน”

“ที่ผ่านมาก็ทำงานทั้งจับบุหรี่เถื่อน และเรื่องงานอื่นๆด้วย ไม่เชื่อไปดูข่าวต่างๆ ได้” นายอนุทิน ยืนยัน

เมื่อถามว่านายทักษิณ พูดว่าจะยึดกระทรวงมหาดไทยแบบนี้ทำได้หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า "นายกฯบอกว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวให้ลองถามท่านนายกฯดู เรื่องนี้ยังไม่มีอะไร ยังไม่มีการพูดคุยกันเลย ไม่มีไม่มีอะไร ยังไม่คุยกับท่านนายกเลย และนายกก็บอกว่าไม่มีอะไร"

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายอนุทิน ย้อนกลับว่า “ต้องคุยกับท่านนายกฯ สิครับ ลูกพี่ (สื่อ) ”
เมื่อถามว่า น้อยใจหรือไม่ นายอนุทิน หันไปจับหัวตัวเองแล้ว ย้อนถามว่า “โถ ผมหัวล้านหรือเปล่า”

เอาเป็นว่า หากให้สรุปตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกเรื่องที่ นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาแทรกแซงสั่งการในรัฐบาล และในประเทศนี้ ผลที่ออกมาตอนนี้ทุกเรื่องล้วนมีปัญหา มีความล้มเหลว ทำไม่ได้ หรือ “ไม่ตรงปก ปัญหาชายแดนรอบบ้านล้วนมีความตึงเครียด และไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะกรณีกับกัมพูชา กับ “ครอบครัวฮุนเซน” ที่มีความเกี่ยวดองกัน ยิ่งไม่น่าไว้ใจว่ามีผลประโยชน์อะไรกันแน่ แต่เท่าที่เห็นทุกเรื่องที่เขาเข้ามายุ่งหรือเกี่ยวข้องกับเขาล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น และที่สำคัญกำลังพาให้รัฐบาล “อุ๊งอิ๊งค์” พบจุดจบเร็วขึ้นอีกด้วย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น