ยูเครนเมื่อวันอาทิตย์(1มิ.ย.) อ้างว่าสามารถทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปหลายลำ ในปฏิบัติการจู่โจมด้วยโดรนครั้งใหญ่ในแผ่นดินของอริศัตรู ปฏิบัติการที่มีขึ้นในขณะที่พวกเขาเร่งเครื่องเจรจากับมอสโก เพื่อสำรวจดูแนวโน้มสำหรับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ
ในคำกล่าวอ้างอันน่าตกตะลึง ยูเครนบอกว่าพวกเขาก่อความเสียหายแก่เครื่องบินของรัสเซียมูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ ที่จอดอยู่ ณ ฐานทัพอากาศ 4 แห่ง ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร โดยในคลิปวิดีโอที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เป็นภาพเครื่องบินไฟลุกท่วมและมีควันสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครน บอกว่าฝูงโดรนอำพรางตัวอยู่ในเพดานของตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ซึ่งจะเปิดออกครั้งที่ปลดปล่อยโดรนเหล่านั้นมุ่งหน้าสู่ปฏิบัติการโจมตี
นอกจากนี้แล้วแหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคง SBU ของยูเครน อ้างการโจมตีภายในรัสเซียอย่างพร้อมเพรียงนี้ "มีเป้าหมายทำลายฝูงบินทิ้งระเบิดของศัตรูที่อยู่ห่างไกลจากแนวหน้า"
ส่วน ไรบาร์ บัญชีหนึ่งบนแพลตฟอร์มเทเลแกรม ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกองทัพรัสเซีย เรียกมันว่าเป็น "ความเสียหายอย่างหนัก" สำหรับมอสโกและชี้ถึงสิ่งที่เรียกว่า "ความผิดพลาดร้ายแรง" ของหน่วยข่าวกรองรัสเซีย
แหล่งข่าวของ SBU เผยว่าการโจมตีเล็งเป้าเล่นงานฐานทัพอากาศต่างๆของรัสเซีย ในเมืองเบลายา ในเซเบีเรีย, ในเมืองโอเลนยา, ในอาร์กติก ใกล้ฟินแลนด์ และในเมืองไอวาโนโวและเมืองดียากิเลโว ทางตะวันออกของมอสโก
การโจมตีโดนเครื่องบินมากกว่า 40 ลำ ในฐานทัพเบลาวา และทำให้เกิดไฟลุกไหม้จุดหนึ่งภายในบริเวณดังกล่าว ในขณะที่ภาพในวิดีโอพบเห็นอากาศยานหลายลำเกิดไฟลุกไหม้ ส่งกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่สำนักข่าวเอเอฟพีไม่ยืนยันว่าคลิปนี้เป็นของจริงหรือไม่
หน่วยงาน SBU อ้างบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าการโจมตีก่อความเสียหายแก่เครื่องบินทหารรัสเซีย คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 7,000 ล้านดอลลาร์ ใน"ปฏิบัติการพิเศษหนึ่งๆ"
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันผ่านเทเลแกรม ว่าเครื่องบินทหารหลายลำเกิดไฟลุกไหม้ แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายรายถูกจับกุม
ปฏิบัติการโจมตีที่วางแผนมานานนี้ เกิดขึ้นขึ้นในช่วงเวลาอันละเอียดอ่อนของสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี ทีเริ่มต้นจากการที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันอาทิตย์(1มิ.ย.) เปิดเผยว่าเขากำลังส่งคณะผู้แทนที่นำโดย รุสเท็ม อูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม ไปยังอิสตันบูล เพื่อเจรจากับพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียในวันจันทร์(2พ.ย.)
ตุรกีเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นท่ามกลางแรงกระตุ้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่พยายามผลักดันให้ทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงยุติการสู้รบอย่างรวดเร็ว
เซเลนสกี เคยแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในความจริงจังของรัสเซียต่อข้อเสนอเจรจากันในวันจันทร์(2พ.ย.) แต่ล่าสุดเขาเผยว่าได้กำหนดจุดยืนของคณะผู้แทนทูตของยูเครนสำหรับไปเข้าร่วมเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป้าหมายในลำดันต้นๆ ในนั้นรวมถึง "ข้อตกลงหยุดยิงโดยสมบูรณ์และปราศจากเงื่อนไข" และแลกเปลี่ยนเชลยศึกและเด็กๆที่ถูกลักพาตัวไป
รัสเซียเคยปฏิเสธเงื่อนไขการหยุดยิงก่อนหน้านี้ พวกเขาบอกว่ามีสูตรข้อแม้สันติภาพของตนเอง แต่ไม่ขอเปิดเผยมันล่วงหน้า ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดความเป็นไปได้ในข้อเสนอของตุรกี ที่เชิญผู้นำทั้ง 2 ประเทศร่วมโต๊ะเจรจาด้วย
สื่อมวลชนหลายสำนักของรัสเซียเปิดเผยว่าคณะผู้แทนของรัสเซียได้มุ่งหน้าสู่อิสตันบูลในวันอาทิตย์(1มิ.ย.) เพื่อการเจรจา
ที่ผ่านมา รัสเซียแถลงเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนแทบทุกวัน โดยปกติแล้วพวกเขามักบอกว่าสามารถสอยร่วงได้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้ถือว่าไม่บ่อยนักที่มีรายงานการโจมตีด้วยโดรนลักษณะดังกล่าว ลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันรัสเซียก็ทำการโจมตีเข้าสู่ยูเครนอย่างไม่ลดละเช่นกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์(1มิ.ย.) กองทัพอากาศยูเครน ยอมรับว่าพวกเขาถูกรัสเซียโจมตีด้วยโดรน 472 ลำ และขีปนาวุธ 7 ลูก ในช่วงค่ำคืนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น
ในการยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทางกองทัพยูเครนบอกว่าขีปนาวุธของรัสเซียโจมตีใส่ที่ตั้งของศูนย์ฝึกแห่งหนึ่ง ปลิดชีพกำลังพลไปหลายสิบนายและได้รับบาดเจ็บมากกว่า 60 คน แม้เกือบทั้งหมดเข้าไปหลบภัยระหว่างถูกโจมตี
การโจมตีดังกล่าวนำมาซึ่งการลาออกของนายพลมีไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นของยูเครน บอกว่าเขารู้สึกต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของทหารเหล่านั้น
ในความเคลื่อนไหวอีกด้านในวันอาทิตย์(1มิ.ย.) กองทัพรัสเซียเผยว่าสามารถยึดหมู่บ้านได้อีกแห่งในแคว้นซูมี ทางภาคเหนือของยูเครน บริเวณที่เคียฟหวั่นเกรงว่ามอสโกอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับจู่โจมทางภาคพื้นรอบใหม่
รัสเซีย สามารถยึดถิ่นฐานต่างๆได้หลายแห่งในแคว้นแห่งนี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และจากคำกล่าวอ้างของ เซเลนสกี พบว่ารัสเซียระดมกำลังทหารมากกว่า 50,000 นาย ในอีกฟากฝั่งหนึ่งของชายแดน
(ที่มา:เอเอฟพี)