นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ ผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ประเวศ-สะพานสูง) พรรคประชาชน กล่าวถึงงบประมาณการก่อสร้างอาคารราชการในการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2569 ซึ่งต้องตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผล ความคุ้มค่ากับภาษีประชาชนที่ต้องเสียไป
โดยกล่าวว่า จากงบประมาณปี 2569 ทั้งหมด 3.78 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุน 5.69 แสนล้านบาท ถูกใช้ในการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ไปแล้วเกือบ 80% คิดเป็นเงิน 4.43 แสนล้านบาท ซึ่งจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเป็นการก่อสร้างที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ แต่เมื่อไปดูรายละเอียด จะเห็นว่างบการก่อสร้างส่วนใหญ่ลงไปกับถนน การจัดการน้ำ และตามมาเป็นอันดับ 3 คือการสร้างอาคารราชการต่างๆ 30,686 ล้านบาท ซึ่งถือว่าได้งบมากกว่าเงินที่เอาไปพัฒนาโรงเรียนกับโรงพยาบาลเสียอีก ยิ่งถ้ารวมงบผูกพันด้วย รัฐบาลกำลังจะทุ่มงบประมาณในการก่อสร้างอาคารสถานที่ราชการไปเกือบแสนล้านบาท
[ สตช. ครองแชมป์งบสร้างอาคารมากสุด ]
หน่วยงานที่สร้างอาคารราชการมากที่สุด คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีนี้ปีเดียว 4,660 ล้านบาท ถ้ารวมงบผูกพันด้วยก็ปาเข้าไปสองหมื่นกว่าล้าน โดยเรื่องหนึ่งที่เราพูดกันมาตลอดคือการปฏิรูปตำรวจ ในเอกสารงบประมาณเล่มขาวคาดแดง มีโครงการที่ชื่อว่าโครงการปฏิรูประบบงานตำรวจได้ไป 3,157 ล้าน แต่น่าเหลือเชื่อว่าพอไปดูเนื้อใน เงิน 2,452 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของโครงการปฏิรูปตำรวจ ดันกลายเป็นงบก่อสร้าง
ตกลงแล้วการปฏิรูปตำรวจของท่านนายกรัฐมนตรี คือการก่อสร้างอย่างนั้นหรือ? แล้วท่านนายกฯ จะโทษใครไม่ได้ เพราะ สตช. อยู่ภายใต้นายกฯ โดยตรง
หน่วยงานลำดับรองลงมาที่สร้างอาคารราชการเยอะ จะมีสำนักปลัดกระทรวงต่างๆ ซึ่งเน้นการผูกพันระยะยาว แต่ที่ลงเงินก้อนใหญ่ในแต่ละปีเยอะเป็นพิเศษ มีกองทัพบกกับกรมการปกครอง เช่น โครงการก่อสร้างของกระทรวงกลาโหมรวมกันปาเข้าไป 8 พันล้าน มาครบจบทุกเหล่าทัพ บก-เรือ-อากาศ สำนักปลัดฯ กองบัญชาการกองทัพไทย รวมเป็น 1.5 หมื่นล้าน
[ โครงการใหญ่สุด “ศูนย์ราชการมหาดไทย” แห่งใหม่ ]
โครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ผ่านงบประมาณไปแล้ว นั่นคือศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย โครงการนี้ใช้งบประมาณมากกว่า 9 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งผ่านงบยุครัฐบาลที่แล้ว อีกส่วนผ่านงบในรัฐบาลชุดนี้ เป็นโครงการย้ายกระทรวงมหาดไทยออกมาจากเกาะรัตนโกสินทร์ แต่แทนที่จะย้ายลดความแออัดไปนอกเมืองไกลๆ กระทรวงมหาดไทยดันแค่ย้ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาที่คลองสาน ห่างจากที่เดิมแค่ 3-4 กิโลเมตร ทำให้ต่อไปเราจะมีอาคารศูนย์ราชการบรรยากาศสวยๆ คูลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มอีกแห่ง ในพื้นที่ที่จะรถติดกว่าเดิม
หน้าตาของอาคารจะใช้พื้นที่ชั้น 1-5 ร่วมกัน แล้วชั้น 6 ขึ้นไปจะแยกไปเป็นหลายๆ ตึกรวม 6 ตึก ทำให้แต่ละกรมมีตึกหรูเป็นของตัวเอง สูงสุดคือกรมการปกครอง 21 ชั้น เตี้ยที่สุดคือสำนักปลัด 14 ชั้น
ความสูงที่แตกต่างกัน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากอะไร ตอนแรกคิดว่ามาจากอัตรากำลัง มาจากจำนวนข้าราชการ แต่ดูไปดูมาไม่น่าใช่ เพราะตนไปหาข้อมูลอัตรากำลังของแต่ละหน่วยงาน เฉพาะส่วนกลางที่น่าจะต้องย้ายมาทำงานที่ตึกนี้ เอามาเปรียบเทียบกับขนาดพื้นที่อาคารที่แต่ละกรมได้รับ จะเห็นว่าแต่ละกรมได้พื้นที่อยู่ที่ประมาณ 15,000 ตารางเมตร ถึง 23,000 ตารางเมตร แต่ถ้าเทียบสัดส่วนพื้นที่ต่อจำนวนคนแล้ว จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่ากว้างใหญ่มาก เพราะมาตรฐานสากลของ BOMA (Building Owners and Managers Association) Standards แนะนำไว้ที่ 10 - 15 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้น
แต่มีอยู่ 2 หน่วยงาน ที่ได้พื้นที่เยอะกว่าเพื่อน คือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 30.66 ตารางเมตรต่อคน กับกรมพัฒนาชุมชน 26.77 ตารางเมตรต่อคน เหมือนกับว่าจะได้รับขนาดพื้นที่เทียบเท่ากับคอนโดห้องสตูดิโอคนละ 1 ห้อง ซึ่งถ้าข้าราชการที่ทำงานเหนื่อยๆ จะได้แบบนั้น ตนคงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่เมื่อดูรายละเอียด เริ่มที่กรมพัฒนาชุมชน ชั้น 15 หรือชั้นสูงสุด ห้องที่ใหญ่ที่สุดคือห้องแสดงความภาคภูมิใจ ถ้าให้เดาก็คงเป็นห้องเก็บรางวัล แต่งงว่าทำไมไม่โชว์ที่ชั้นล่างให้ประชาชนและข้าราชการได้แบ่งกันไปรับความภาคภูมิใจ กลับเอาไว้ที่ชั้นบนสุด แถมยังใหญ่โตกว่าห้องทำงานอธิบดี รองอธิบดีเสียอีก
“ลองนึกว่าถ้ามีบุคคลภายนอก มีนักเรียนนักศึกษามาดูงานที่กรม แล้วต้องขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 15 เพื่อชื่นชมเกียรติประวัติของกรมท่าน ผมว่ามันจะต้องวุ่นวาย รบกวนการทำงานของข้าราชการในตึกแน่ ๆ หรือท่านไม่ได้มีแผนที่จะให้คนนอกขึ้นมาชมตั้งแต่ต้น แต่จะเก็บไว้ให้ผู้บริหารกรมชมกันอย่างเดียว และที่สำคัญ ห้องแสดงความภาคภูมิใจนี้มีอยู่กรมเดียว ผมไล่ดูผังกรมอื่นในโครงการนี้ ไม่มี”
สุดท้าย มาตรฐานของผังห้องของแต่ละกรมคืออะไรกันแน่ สรุปแล้วใครมีอำนาจในการกำหนดแบบ ตอนเปิดรับจ้างผู้ออกแบบคัดเลือกกันยังไง เกณฑ์การให้คะแนนเป็นแบบไหน ทำไมกรมนี้มี กรมนั้นไม่มี ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องแปลนตึก อธิบดีคนไหนเสนอไอเดีย ตอนนั้นได้มีการสอบถามข้าราชการในกรมหรือไม่ว่าเขาอยากได้ตึกแบบไหน
[ ภาษีประชาชนทั้งนั้น ]
โครงการก่อสร้างอาคารของรัฐมีเยอะมาก ตนอยู่ในคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณได้รับเรื่องอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กสทช. ที่สร้างไม่เสร็จ, สำนักงบโดนบริษัทจีนเทงาน, ตึก สตง. ที่เกิดเหตุ ตึกศาลล่าช้า ใช้ได้ไม่ครบตามแบบ และยังมีโครงการที่จ่อคิวรออีกตั้งหลายโครงการที่รอผ่านงบ 69 รอบนี้ นั่นภาษีประชาชนทั้งนั้น ท่านจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่?
และไม่ใช่แค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคเองก็สร้างไม่ยั้ง ทั้งบ้านพักผู้ว่า ศาลากลาง ที่ว่าการอำเภอ วัฒนธรรมจังหวัด ขนส่งจังหวัด โยธาจังหวัด รวมกันแล้วผูกพันเป็นเงินหมื่นล้านบาท
สุดท้ายพรรคประชาชนไม่ได้มุ่งหวังร้ายใดๆ พวกเราแค่อยากช่วยรัฐบาลหาเงิน เพราะถ้าท่านใช้งบประมาณกันไปแบบนี้ทุกปี เงินถูกใช้ไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่พวกเราในสภาที่เข้ามาจากประชาชนจะได้ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีกว่านี้ได้จริงๆ
โดยกล่าวว่า จากงบประมาณปี 2569 ทั้งหมด 3.78 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุน 5.69 แสนล้านบาท ถูกใช้ในการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ไปแล้วเกือบ 80% คิดเป็นเงิน 4.43 แสนล้านบาท ซึ่งจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเป็นการก่อสร้างที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ แต่เมื่อไปดูรายละเอียด จะเห็นว่างบการก่อสร้างส่วนใหญ่ลงไปกับถนน การจัดการน้ำ และตามมาเป็นอันดับ 3 คือการสร้างอาคารราชการต่างๆ 30,686 ล้านบาท ซึ่งถือว่าได้งบมากกว่าเงินที่เอาไปพัฒนาโรงเรียนกับโรงพยาบาลเสียอีก ยิ่งถ้ารวมงบผูกพันด้วย รัฐบาลกำลังจะทุ่มงบประมาณในการก่อสร้างอาคารสถานที่ราชการไปเกือบแสนล้านบาท
[ สตช. ครองแชมป์งบสร้างอาคารมากสุด ]
หน่วยงานที่สร้างอาคารราชการมากที่สุด คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีนี้ปีเดียว 4,660 ล้านบาท ถ้ารวมงบผูกพันด้วยก็ปาเข้าไปสองหมื่นกว่าล้าน โดยเรื่องหนึ่งที่เราพูดกันมาตลอดคือการปฏิรูปตำรวจ ในเอกสารงบประมาณเล่มขาวคาดแดง มีโครงการที่ชื่อว่าโครงการปฏิรูประบบงานตำรวจได้ไป 3,157 ล้าน แต่น่าเหลือเชื่อว่าพอไปดูเนื้อใน เงิน 2,452 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของโครงการปฏิรูปตำรวจ ดันกลายเป็นงบก่อสร้าง
ตกลงแล้วการปฏิรูปตำรวจของท่านนายกรัฐมนตรี คือการก่อสร้างอย่างนั้นหรือ? แล้วท่านนายกฯ จะโทษใครไม่ได้ เพราะ สตช. อยู่ภายใต้นายกฯ โดยตรง
หน่วยงานลำดับรองลงมาที่สร้างอาคารราชการเยอะ จะมีสำนักปลัดกระทรวงต่างๆ ซึ่งเน้นการผูกพันระยะยาว แต่ที่ลงเงินก้อนใหญ่ในแต่ละปีเยอะเป็นพิเศษ มีกองทัพบกกับกรมการปกครอง เช่น โครงการก่อสร้างของกระทรวงกลาโหมรวมกันปาเข้าไป 8 พันล้าน มาครบจบทุกเหล่าทัพ บก-เรือ-อากาศ สำนักปลัดฯ กองบัญชาการกองทัพไทย รวมเป็น 1.5 หมื่นล้าน
[ โครงการใหญ่สุด “ศูนย์ราชการมหาดไทย” แห่งใหม่ ]
โครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ผ่านงบประมาณไปแล้ว นั่นคือศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย โครงการนี้ใช้งบประมาณมากกว่า 9 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งผ่านงบยุครัฐบาลที่แล้ว อีกส่วนผ่านงบในรัฐบาลชุดนี้ เป็นโครงการย้ายกระทรวงมหาดไทยออกมาจากเกาะรัตนโกสินทร์ แต่แทนที่จะย้ายลดความแออัดไปนอกเมืองไกลๆ กระทรวงมหาดไทยดันแค่ย้ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาที่คลองสาน ห่างจากที่เดิมแค่ 3-4 กิโลเมตร ทำให้ต่อไปเราจะมีอาคารศูนย์ราชการบรรยากาศสวยๆ คูลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มอีกแห่ง ในพื้นที่ที่จะรถติดกว่าเดิม
หน้าตาของอาคารจะใช้พื้นที่ชั้น 1-5 ร่วมกัน แล้วชั้น 6 ขึ้นไปจะแยกไปเป็นหลายๆ ตึกรวม 6 ตึก ทำให้แต่ละกรมมีตึกหรูเป็นของตัวเอง สูงสุดคือกรมการปกครอง 21 ชั้น เตี้ยที่สุดคือสำนักปลัด 14 ชั้น
ความสูงที่แตกต่างกัน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากอะไร ตอนแรกคิดว่ามาจากอัตรากำลัง มาจากจำนวนข้าราชการ แต่ดูไปดูมาไม่น่าใช่ เพราะตนไปหาข้อมูลอัตรากำลังของแต่ละหน่วยงาน เฉพาะส่วนกลางที่น่าจะต้องย้ายมาทำงานที่ตึกนี้ เอามาเปรียบเทียบกับขนาดพื้นที่อาคารที่แต่ละกรมได้รับ จะเห็นว่าแต่ละกรมได้พื้นที่อยู่ที่ประมาณ 15,000 ตารางเมตร ถึง 23,000 ตารางเมตร แต่ถ้าเทียบสัดส่วนพื้นที่ต่อจำนวนคนแล้ว จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่ากว้างใหญ่มาก เพราะมาตรฐานสากลของ BOMA (Building Owners and Managers Association) Standards แนะนำไว้ที่ 10 - 15 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้น
แต่มีอยู่ 2 หน่วยงาน ที่ได้พื้นที่เยอะกว่าเพื่อน คือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 30.66 ตารางเมตรต่อคน กับกรมพัฒนาชุมชน 26.77 ตารางเมตรต่อคน เหมือนกับว่าจะได้รับขนาดพื้นที่เทียบเท่ากับคอนโดห้องสตูดิโอคนละ 1 ห้อง ซึ่งถ้าข้าราชการที่ทำงานเหนื่อยๆ จะได้แบบนั้น ตนคงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่เมื่อดูรายละเอียด เริ่มที่กรมพัฒนาชุมชน ชั้น 15 หรือชั้นสูงสุด ห้องที่ใหญ่ที่สุดคือห้องแสดงความภาคภูมิใจ ถ้าให้เดาก็คงเป็นห้องเก็บรางวัล แต่งงว่าทำไมไม่โชว์ที่ชั้นล่างให้ประชาชนและข้าราชการได้แบ่งกันไปรับความภาคภูมิใจ กลับเอาไว้ที่ชั้นบนสุด แถมยังใหญ่โตกว่าห้องทำงานอธิบดี รองอธิบดีเสียอีก
“ลองนึกว่าถ้ามีบุคคลภายนอก มีนักเรียนนักศึกษามาดูงานที่กรม แล้วต้องขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 15 เพื่อชื่นชมเกียรติประวัติของกรมท่าน ผมว่ามันจะต้องวุ่นวาย รบกวนการทำงานของข้าราชการในตึกแน่ ๆ หรือท่านไม่ได้มีแผนที่จะให้คนนอกขึ้นมาชมตั้งแต่ต้น แต่จะเก็บไว้ให้ผู้บริหารกรมชมกันอย่างเดียว และที่สำคัญ ห้องแสดงความภาคภูมิใจนี้มีอยู่กรมเดียว ผมไล่ดูผังกรมอื่นในโครงการนี้ ไม่มี”
สุดท้าย มาตรฐานของผังห้องของแต่ละกรมคืออะไรกันแน่ สรุปแล้วใครมีอำนาจในการกำหนดแบบ ตอนเปิดรับจ้างผู้ออกแบบคัดเลือกกันยังไง เกณฑ์การให้คะแนนเป็นแบบไหน ทำไมกรมนี้มี กรมนั้นไม่มี ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องแปลนตึก อธิบดีคนไหนเสนอไอเดีย ตอนนั้นได้มีการสอบถามข้าราชการในกรมหรือไม่ว่าเขาอยากได้ตึกแบบไหน
[ ภาษีประชาชนทั้งนั้น ]
โครงการก่อสร้างอาคารของรัฐมีเยอะมาก ตนอยู่ในคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณได้รับเรื่องอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กสทช. ที่สร้างไม่เสร็จ, สำนักงบโดนบริษัทจีนเทงาน, ตึก สตง. ที่เกิดเหตุ ตึกศาลล่าช้า ใช้ได้ไม่ครบตามแบบ และยังมีโครงการที่จ่อคิวรออีกตั้งหลายโครงการที่รอผ่านงบ 69 รอบนี้ นั่นภาษีประชาชนทั้งนั้น ท่านจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่?
และไม่ใช่แค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคเองก็สร้างไม่ยั้ง ทั้งบ้านพักผู้ว่า ศาลากลาง ที่ว่าการอำเภอ วัฒนธรรมจังหวัด ขนส่งจังหวัด โยธาจังหวัด รวมกันแล้วผูกพันเป็นเงินหมื่นล้านบาท
สุดท้ายพรรคประชาชนไม่ได้มุ่งหวังร้ายใดๆ พวกเราแค่อยากช่วยรัฐบาลหาเงิน เพราะถ้าท่านใช้งบประมาณกันไปแบบนี้ทุกปี เงินถูกใช้ไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่พวกเราในสภาที่เข้ามาจากประชาชนจะได้ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีกว่านี้ได้จริงๆ