รมว.สาธารณสุข ใช้สิทธิวีโต้มติแพทยสภา ลงโทษ 3 หมอปมรักษาทักษิณชั้น 14 ด้านชาญชัยและพวกยื่นหลักฐานต่อศาลฎีกา แฉใบเสร็จ รพ.ตำรวจมีแต่ค่าห้อง ไม่ได้รักษาอาการป่วยจริง ขณะที่เสรีพิศุทธ์เชื่อทักษิณหนีศาล ส่วนที่จ้อเมื่อวันก่อน พูดอะไรเชื่อไม่ได้
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ภายหลังคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษแพทยสภา เพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ได้มีการประชุมไป 3 ครั้ง และส่งสรุปความเห็นแต่ละคนให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษฯ เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด นายสมศักดิ์ได้มีการทำหนังสือส่งถึงแพทยสภาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. เวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งในเนื้อหานั้นไม่ทราบมากนัก แต่ทราบเบื้องต้นว่า นายสมศักดิ์ได้มีการส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 คน โดยมี 1 คน ที่ถูกยกคำร้อง อีก 3 คน ถูกลงโทษตักเตือน กับพักใช้ใบอนุญาต
“นายสมศักดิ์ก็ได้ให้ความเห็นกลับไปเป็นรายบุคคลเลย มีทั้งส่วนที่เห็นด้วยกับมติแพทยสภา และมุมที่ให้แพทยสภาเอาไปพิจารณาด้วย อย่างเรื่องของกระบวนการก็ด้วย ซึ่งไม่ใช่เป็นเชิงคำสั่งว่า จะต้องทบทวนอะไร เพราะตรงนั้นเป็นเรื่องที่บอร์ดแพทยสภาต้องไปพิจารณากันต่อ” นายธนกฤต กล่าว
ส่วนประเด็นที่มีหนึ่งในกรรมการแพทยสภา ออกมาโต้กลับประเด็นที่ว่าแพทยสภาส่งเอกสารครบถ้วนแล้ว ตนก็ต้องถามกลับไปว่าได้อ่านทั้งหมด 4,000 หน้าแล้วจริงหรอ ภายในระยะแค่ 3 ชั่วโมง
อีกด้านหนึ่งที่ศาลฎีกา (สนามหลวง) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา, นายตุลย์ สิทธิสมวงศ์, นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางเข้ายื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมส่งมอบพยานหลักฐานในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับการรักษาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างถูกคุมขัง
นายชาญชัย ระบุว่า หลักฐานที่นำส่งวันนี้ไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่เป็นรายละเอียดประกอบคำร้องเดิม อาทิ รายงานผลการตรวจจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, เอกสารจากคณะกรรมาธิการวุฒิสภา, มติแพทยสภา, หนังสือจาก ป.ป.ช. รวมถึงคำให้การจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และ นพ.ตุลย์ โดยทั้งหมดมีเป้าหมายให้ศาลนำไปใช้ในการไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ตามข้อกำหนดปี 2563 ที่เปิดให้บุคคลภายนอกยื่นข้อมูลได้
นอกจากนี้ นายชาญชัยยังกล่าวว่า เอกสารที่ยื่นเพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง โดยขอให้ศาลออกหมายเรียกข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น เวลาไปโรงพยาบาล จะต้องมีใบเสร็จรับเงินที่บ่งบอกว่าเป็นการตรวจโรคอะไรบ้าง จากนั้นหมอก็จะสั่งจ่ายยา ซึ่งใบเสร็จก็จะมีทั้งส่วนของโรงพยาบาลและคนไข้ ซึ่งจากข้อมูล พบว่า ใบเสร็จการจ่ายค่ารักษาพยาบาลของนายทักษิณเป็นการจ่ายค่าห้องพักเท่านั้น ไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาล นั่นหมายความว่า ไม่ได้มีกระบวนการรักษาจริง อย่าว่าแต่เป็นผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งบอกว่า ลักษณะแบบนี้เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน พร้อมท้าว่า ถ้านายทักษิณรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจจริงก็ให้โชว์ใบเสร็จการรักษาพยาบาล จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นๆ นับสิบคนต้องติดคุกแทน
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าเคยเข้าเยี่ยมนายทักษิณสองครั้ง พบแต่งกายสบาย ๆ ไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสภาพผู้ป่วยที่แท้จริง พร้อมอ้างว่าค่าออกซิเจนปลายนิ้วของนายทักษิณอยู่ที่ราว 90% และเชื่อว่านายทักษิณใช้โรงพยาบาลเป็นที่รับแขกมากกว่ารักษา ย้ำอีกว่ามีการเก็บหลักฐานภาพถ่ายและเอกสารประกอบไว้เรียบร้อย เพื่อใช้ในกระบวนการไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย. และยังแสดงความเห็นส่วนตัวว่า นายทักษิณ มีแนวโน้มจะไม่เดินทางมาศาลในวันดังกล่าว เพราะหากศาลมีคำพิพากษาที่ไม่เป็นคุณ อาจทำให้ตัวนายทักษิณตกอยู่ในความเสี่ยงจึงเชื่อว่าจะมีการหลบหนีก่อนวันไต่สวน ส่วนที่นายทักษิณ ไปปรากฎตัวและบรรยายเรื่องยาเสพติดที่ ป.ป.ส. และยืนยันว่าไม่หลบหนีนั้น เห็นว่า นายทักษิณเป็นคนที่พูดอะไรเชื่อไม่ได้
ขณะที่นายนิติธร ชี้แจงเพิ่มเติมว่าคำร้องของทั้ง 4 คนเป็นไปตามข้อกำหนดปี 2563 โดยแบ่งเป็นหลายชุดหลักฐาน เช่น สำนวนหลักของนายชาญชัยที่เชื่อมโยงเส้นทางของนายทักษิณตั้งแต่เดินทางกลับถึงไทย, การถูกคุมขัง, การรักษาที่โรงพยาบาล และการพักโทษ ขณะที่นายสมชาย เสนอหลักฐานจากการทำงานในฐานะคณะกรรมการสอบสวนโดยตรง ส่วน นพ.ตุลย์ เสนอข้อสังเกตจากมุมมองแพทย์ รวมถึงระบุว่าในใบเสร็จค่ารักษาที่นายทักษิณใช้นั้นไม่มีค่ารักษาหรือค่ายา มีเพียงค่าห้อง ซึ่งเป็นข้อพิรุธสำคัญ
นพ.ตุลย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยบทสนทนาในกลุ่มไลน์ของคณะกรรมการแพทยสภา โดยมีสมาชิกตอบว่า “Yes” ต่อมติลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีข้อความดังกล่าวในห้องสนทนา เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่าแพทยสภาทำงานอย่างมืออาชีพ และมติของแพทยสภาจะเป็นหลักฐานสำคัญในการไต่สวน