เอเอฟพี – นักศึกษาฮาร์วาร์ดชุมนุมประท้วงเมื่อวันอังคาร (27 พ.ค.) หลังรัฐบาลอเมริกาประกาศเตรียมยกเลิกสัญญาทางการเงินที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดของทรัมป์ในการบีบบังคับให้มหาวิทยาลัยทรงเกียรติแห่งนี้ยอมให้รัฐบาลเข้ากำกับดูแลแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เป้าหมายการประท้วงของนักศึกษาคือ เพื่อต่อต้านมาตรการก้าวร้าวที่รวมถึงคำประกาศล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่โกรธแค้นที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่ยอมมอบอำนาจการควบคุมหลักสูตร การเปิดรับสมัครนักศึกษา และการวิจัยให้รัฐบาล
นักศึกษาคนหนึ่งชูป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า “ทรัมป์ = คนทรยศ” ขณะที่ฝูงชนตะโกนว่า “ให้คนที่ควรอยู่ในชั้นเรียนวันนี้ได้อยู่ต่อ” ซึ่งหมายถึงนักศึกษาต่างชาติที่ถูกทรัมป์เพิกถอนสถานะด้วยการเพิกถอนการรับรองโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน (Student and Exchange Visitor) ของฮาร์วาร์ด โดยผู้นำสหรัฐฯ โจมตีว่า นักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีพวกหัวรุนแรงที่ชอบสร้างปัญหาปะปนอยู่ด้วย
ผู้พิพากษามีคำสั่งห้ามบังคับใช้มาตรการดังกล่าวและจะมีการรับฟังคำโต้แย้งในวันพฤหัสบดี (29 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ฮาร์วาร์ดเริ่มต้นพิธีรับปริญญา
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวประกาศว่า ทรัมป์ต้องการนำเงินภาษีของประชาชนไปมอบให้โรงเรียนอาชีวศึกษา โรงเรียนฝึกอาชีพ และโรงเรียนของรัฐบาลที่ส่งเสริมค่านิยมอเมริกัน และทักษะที่จำเป็นของคนรุ่นใหม่สำหรับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติ แทนที่จะสนับสนุนการเรียนการสอนหรือการวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ของฮาร์วาร์ด
อลิซ โกเยอร์ หนึ่งในผู้ประท้วงบอกว่า ในฐานะนักศึกษาอเมริกัน เธอมีหน้าที่รับผิดชอบในการเรียกร้องแทนเพื่อน ศาสตราจารย์ และนักวิจัยต่างชาติที่ถูกขู่เนรเทศ หากไม่เลือกโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยอื่น
แจ็ค บัณฑิตใหม่ชาวอังกฤษ บอกว่า นโยบายของทรัมป์ทำให้มหาวิทยาลัยในอเมริกาน่าสนใจน้อยลงสำหรับนักศึกษาต่างชาติ แม้ศาลสั่งเพิกถอนมาตรการที่ส่งผลกระทบร้ายแรงส่วนใหญ่แล้วก็ตาม เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ที่ฮาร์วาร์ดตอนนี้ไม่รู้ว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนนักศึกษาที่ยังอยู่นอกอเมริกาก็ไม่รู้ว่า จะกลับไปฮาร์วาร์ดได้หรือไม่
ทั้งนี้ ฮาร์วาร์ดฟ้องคัดค้านมาตรการต่างๆ ของทรัมป์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหลายคนเชื่อว่า มีแนวโน้มที่ศาลจะสั่งเพิกถอน
ขณะเดียวกัน บรรดาศิษย์เก่ามีแผนยื่นฟ้องทรัมป์ในวันที่ 9 มิ.ย. โดยอนูริมา บาร์กาวา ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ กล่าวในการประชุมเสมือนที่จัดโดยกลุ่มศิษย์เก่าที่ใช้ชื่อว่า คริมสัน เคอเรจ ชักชวนให้สร้างความตระหนักรู้และระดมทุนเพื่อต่อสู้กับมาตรการของทรัมป์
การประกาศยกเลิกสัญญาเมื่อวันอังคารจะเป็นการตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างรัฐบาลกับฮาร์วาร์ดที่ถือเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดและสถาบันวิจัยทรงอิทธิพลของอเมริกา
ภายใต้แคมเปญต่อต้านสถาบันการศึกษาที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นแหล่งบ่มเพาะความโน้มเอียงต่อแนวทางเสรีนิยมและการต่อต้านยิวนั้น ผู้นำสหรัฐฯ เลือกลงโทษฮาร์วาร์ดเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู
ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ รัฐบาลอเมริกาสั่งระงับเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์ และยกเลิกสัญญามูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์กับฮาร์วาร์ด
ฮาร์วาร์ดยื่นฟ้องทั้งเพื่อสกัดการเพิกถอนสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยในการเปิดรับสมัครและให้การสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติที่มีสัดส่วน 27% ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด รวมทั้งเพิกถอนการยกเลิกเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง
ศาสตราจารย์เรย์ เบรสเซีย จากอัลบานี ลอว์ สกูล ชี้ว่า ฮาร์วาร์ดสามารถฟ้องให้ยกเลิกการยุติสัญญาล่าสุดโดยรวมไว้กับคดีที่กำลังฟ้องร้องอยู่ได้ และเสริมว่า การโจมตีฮาร์วาร์ดของคณะบริหารทรัมป์มีข้อผิดพลาดมาก กระทั่งมีแนวโน้มว่า ศาลจะสั่งยกเลิกมาตรการเหล่านั้นในกรณีที่คณะบริหารยื่นอุทธรณ์