xs
xsm
sm
md
lg

รุมทึ้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 'ธปท.'เสนอให้ทบทวน เน้นช่วยเหลือภาคธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รุมทึ้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 'ธปท.'เสนอให้ทบทวน เน้นช่วยเหลือภาคธุรกิจ

นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ปรากฎว่าเวลานี้หัวบันไดสำนักงบประมาณไม่เคยแห้ง เพราะมีหลายหน่วยงานที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงโครงการที่จะใช้งบประมาณดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอและรวบรวม ส่วนมีกี่หน่วยงานที่เสนอโครงการเข้ามานั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบดู แต่ยอมรับว่ามีจำนวนมา สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัตินั้น จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่ดูแล

ขณะเดียวัน ภายหลังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมายังคณะรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือเสนอความเห็นส่งกลับมายังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

ธปท. เห็นด้วยกับการทบทวนแผนการใช้งบประมาณให้สอดรับกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทันท่วงที และไม่ขัดข้องกับหลักการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ ที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการรักษาระดับการจ้างงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการส่งออก ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของประเทศมหาอำนาจ

ทั้งนี้ ธปท.เห็นว่าควรให้น้ำหนักกับการบรรเทาผลกระทบ และสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจมากขึ้นด้วย โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ 1. ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มผู้ผลิตที่จะถูกกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (import flooding) ที่รุนแรงขึ้น ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่ไทยเผชิญอยู่ 2. ควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ import flooding เพราะถ้าไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ก่อน โครงการหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ อาจไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร

โดยแนวทางการรับมือที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การบังคับใช้กฎหมายและการตรวจสอบที่เข้มงวดใน 3 ด้าน ได้แก่ การตรวจมาตรฐานสินค้า การตรวจสินค้าผ่านด่าน และการป้องกันสวมสิทธิสินค้าเพื่อใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก การเร่งรัดกระบวนการไต่สวนข้อพิพาทกับต่างประเทศ เรื่อง การที่สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในไทย การกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าในไทย ต้องจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า และมีระบบชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การกำหนดมาตรการเพิ่มเติมด้านภาษี โดยตั้งภาษีหรือกำหนดโควตาการนำเข้าสินค้า หรือการเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น