ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ รู้จัก "แมว" น้อยไป "กุสุมาลวตี" รุกยื่นฟันจริยธรรม "หนู" ให้หายซ่า
ไม่ใช่แมวเซื่องๆนะจ๊ะหนู!
ว่าด้วยเรื่อง แมวกับหนู-หนูกับแมว ที่ แมวเปิดฉากกางเล็บไล่จับหนู แล้วหนูตอบโต้ด้วยการด่า และฟ้องเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อหลายวันก่อน
ที่รัฐสภาเมื่อวาน (26พ.ค.) "เจ๊แมว" หรือชื่อเต็มๆว่า "กุสุมาลวตี ศิริโกมุท" อดีตผู้สมัคร สว. แอบย่องเงียบมายื่นเรื่องต่อ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร้องเรียน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และมท.1 ให้ชำแหละพฤติกรรมจริยธรรม!
แม้เจ้าตัวจะยืนยันเสียงนิ่ม อธิบายถึงการย่องเงียบว่า “วันนี้แมวไม่อยากดัง” แต่เอาเข้าจริง เสียงดังสะเทือนถึงหน้าตึกหน้าอาคารพระสุริยันต์ (ตึก สส.) เข้าหู-เข้าตาสื่อ เพราะ “เจ๊แมว”ฟาดด้วยวาทะเด็ด
“รู้จักแมวน้อยไป! เอาให้หายซ่า!”
ว่ากันว่า ครั้งนี้ “เจ๊แมว” ไม่ได้มาเล่นๆ ไม่ใช่แค่ยื่นที่สภา ยังเตรียมลากเรื่องนี้ไปถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน และป.ป.ช. อีกต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ “หนู” พลิกพลิ้ว ตามลีลาถนัด
งานนี้"เจ๊แมว" กางเล็บจัดหนักให้ หนู เพราะต้องการรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
“คุณจะทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ คุณต้องเข้าใจหลักการ คุณต้องเป็นสุภาพบุรุษ การทำแบบนี้คือ มันฟ้องศาลอาญาแล้ว ก็เลยมาแจ้งจริยธรรมในฐานะที่ นายอนุทิน เป็นส.ส.และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผิดจริยธรรม และดิฉันก็จะยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึงป.ป.ช. ด้วย ”กุสุมาลวตี ตอกย้ำ
เมื่อถามว่า เดินหน้าเต็มที่ไม่มีถอย ใช่หรือไม่!? เจ๊แมว ก็ยืนยันมั่นเหมาะ พะยี่ห้อ "กุสุมาลวตี" ไม่มีใครจะห้ามได้ ตอนนี้ก็มีคนห้าม บอกว่า อย่าไปทำเขา เขาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัวเองจึงบอกว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไหนทั้งนั้น คุณทำผิดคุณก็ต้องรับผิด!
“หนู” อนุทินโปรดทราบ ความปากไว มั่นใจในลีลาโวหารพลิ้วไหว ยิ้มเหลาะแหละ หัวเราะแหะแหะ อาจจะใช้ไม่ได้กับกรณี "แมว" !
“เจ้แมว” ลั่นวาจา “คุณด่าฉัน คุณทำร้ายฉัน ก็ต้องมีบทลงโทษ ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้นะจ๊ะ”
เรียกว่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม หน้า รมต. หรือหน้าใครทั้งนั้น ใครทำผิดก็โดน!
งานนี้ “เสี่ยหนู” จะออกอาการยังไง ต้องจับตาให้ดี เพราะแม้แต่กาแฟยังซื้อไม่ทันจิบ นักข่าวก็ได้สตอรีเดือดๆจาก"เจ้แมว" ที่เป็น แมวที่เกิดมาเพื่อจับหนู !
++ “อิ๊งค์” ต้องเป็นคนออกคำสั่งให้ “อาปู” ชดใช้ค่าเสียหาย ระบายข้าวจีทูจี 10,028 ล้าน
คดีจำนำข้าว และระบายข้าว จีทูจี เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ”อดีตนายกฯ เจ้าของโครงการ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมคำสั่งอายัดทรัพย์สิน
“ยิ่งลักษณ์” และสามี คือ "อนุสรณ์ อมรฉัตร" จึงตั้งทนายฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์ กับพวก” มี รมว.คลัง, รมช.คลัง, ปลัดฯคลัง, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี, และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร ต่อศาลปกครอง ขอให้ยกเลิกคำสั่งนั้น ด้วยว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ
ปี 2564 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ให้ ยิ่งลักษณ์ ชนะคดี ไม่ต้องชดใช้
ทางฝ่ายรัฐจึงยื่นอุทธรณ์คดี และศาลปกครองสูงสุด เพิ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ “ยิ่งลักษณ์” รับผิดชอบ ชดใช้เป็นเงิน 10,028 ล้านบาท จากยอด 3.5 หมื่นล้านบาท
ในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด สรุปว่า แม้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้โกงเอง แต่ปล่อยให้คนอื่นโกง โดยเฉพาะในขั้นตอน “ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ” หรือ “จีทูจี” หน่วยงานตรวจสอบ เช่น สตง. และ ป.ป.ช. ก็ส่งหนังสือเตือนว่า เกิดความเสียหาย แต่ “ยิ่งลักษณ์” กลับเพิกเฉย ศาลฯจึงชี้ว่าเป็น “ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” จนมีความเสียหายเกิดขึ้น จึงต้องชดใช้
แต่เนื่องด้วย “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้ทำผิดคนเดียว จึงควรรับผิดเพียง 50% ของยอดเสียหายเฉพาะที่เกิดในสัญญา “จีทูจี” จึงคำนวณออกมาเป็นเงินที่ต้องชดใช้ 10,028 ล้านบาท
ล่าสุด วานนี้ (26 พ.ค.) “นรวิชญ์ หล้าแหล่ง” ทนายของยิ่งลักษณ์ ออกมาอ้างว่า...คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า คำสั่งที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านนั้น ชอบบางส่วน ไม่ชอบบางส่วน จึงให้รับผิดแค่ 10,028 ล้านบาท ลดไปประมาณ 25,000 ล้านบาท
“ทนายนรวิชญ์”บอกว่า “ยิ่งลักษณ์” ชนะคดี ในส่วนที่ลดไป 25,000 ล้านบาท
และศาลไม่ได้มีคำพิพากษา ว่ามีคำสั่งให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ หรือออกคำบังคับให้ชดใช้เงิน เป็นเพียงการอธิบายข้อกฎหมาย จากการที่ผู้ฟ้องคดี คือ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเก้า คือ“พล.อ.ประยุทธ์ กับพวก”
คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะพิพากษา หรือออกคำบังคับให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ให้กับผู้ฟ้องคดีทั้งเก้า
“ทนายนรวิชญ์” สรุปเปรี้ยงว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ เพราะศาลฯ ไม่ได้สั่ง!
และในวันเดียวกันนี้ “สายทิพย์ สุคติพันธ์” ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาพันธ์ ศาลปกครอง ก็ออกมาชี้แจง เพื่อให้ประชาชน เข้าใจในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง ว่า ศาลพิจารณาเฉพาะประเด็นคำสั่ง ที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง “ยิ่งลักษณ์” กับ “ พล.อ.ประยุทธ์กับพวกทั้ง 9” เท่านั้น
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้ “น.ส.ยิ่งลักษณ์” รับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เฉพาะในส่วนที่เกินกว่า10,028 ล้านบาท คือ ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท และบทบาทหน้าที่ของศาลปกครอง ถือว่ายุติแล้ว
ส่วนการจะสั่งให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้10,028 ล้านบาท หลังจากนี้ไป เป็นอำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี ,รมว.คลัง รมช.คลัง, ปลัดฯคลัง. สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี และ เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ต้องไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ชัดๆ คือ “นายกฯอิงค์” แพทองธาร ชินวัตร กับพวกทั้ง 9 ต้องไปออกคำสังให้ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชดใช้10,028 ล้านบาท
เมื่อย้อนกลับไปดูบัญชีทรัพย์สิน ที่ “ยิ่งลักษณ์” ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นตำแหน่งนายกฯ ครบ 1 ปี เมื่อปี 2558 พบว่ามีทรัพย์สิน 610 ล้านบาท เป็นเงินสด 14.2 ล้านบาท เงินฝาก 16 บัญชี 24.9 ล้านบาท เงินลงทุน 115.5ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 108ล้านบาท ที่ดิน 117 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้าง 162 ล้านบาท รถยนต์ 21.9 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิต) 5.9 แสนบาท ทรัพย์สินอื่น (เครื่องประดับ) 45.6 ล้านบาท
แต่ที่น่าสนใจคือ เงินฝาก 16 บัญชี มียอดแจ้งไว้มีรวม 24.9 ล้านบาท แล้วในช่วงที่ถูกอายัดทรัพย์สิน ปรากฏว่าเงินฝากใน16 บัญชี เหลือเพียง 1.9 ล้านบาทเท่านั้น นี่ยังไม่นับรวมทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีการโยกย้ายถ่ายโอน ก่อนมีคำสั่งอายัด
แล้วคำสั่งที่ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ 10,028 ล้านบาทนั้น จะเอาที่ไหนมาชดใช้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่รู้ว่าเมื่อไร...กี่โมง...ที่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร จะมีคำสั่งให้ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชดใช้