xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์เดือดรัสเซียถล่มยูเครน จวกปูตินบ้าไปแล้ว พร้อมด่าเซเลนสกี้ปากมาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ทรัมป์จวกปูตินเมื่อวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) ว่า “บ้าไปแล้วชนิดสุดๆ” หลังรัสเซียถล่มทางอากาศใส่ยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปี พร้อมกับลั่นปากกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการแซงก์ชันมอสโก อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ยังตวาดใส่เซเลนสกี้ด้วยว่าเป็นพวกชอบใช้ปากพาซวย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ของเขาในวันอาทิตย์ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาเป็นบ้าไปแล้วชนิดสุดๆ” โดยหมายถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พร้อมกันนั้นประมุขทำเนียบขาวก็โอ่อวดว่า ตนพูดมาตลอดว่า ปูตินอยากได้ยูเครนทั้งหมดไม่ใช่แค่บางส่วน และเหตุการณ์นี้พิสูจน์แล้วว่า คำพูดดังกล่าวถูกต้อง และทำนายตักเตือนปูตินว่า “แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น รัสเซียจะต้องล่มสลาย”

ต่อมา ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากสนามบินในมอร์ริสทาวน์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อนขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่ง “แอร์ฟอร์ซวัน” เดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ว่า ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น ปูตินถึงได้ฆ่าคนมากมาย และตนไม่พอใจอย่างมาก

ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวว่า อาจพิจารณาเพิ่มมาตรการแซงก์ชันเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียยังคงโจมตียูเครนไม่หยุดหย่อน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาทรัมป์มักกล่าวถึงปูตินด้วยความชื่นชม กระนั้น ระยะหลังมานี้ผู้นำสหรัฐฯชักแสดงความไม่พอใจมอสโกมากขึ้น หลังจากการเจรจาหยุดยิงในยูเครนซึ่งสหรัฐฯพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย กลับอยู่ในภาวะสะดุดหยุดนิ่ง

ทั้งนี้ ทรัมป์พยายามกดดันให้ยูเครนและรัสเซียยุติสงคราม ทว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีจุดยืนแตกต่างกันอย่างมาก โดยที่การปะทะตามแนวรบยังคงดุเดือด อีกทั้งมีการส่งโดรนโจมตีตอบโต้กันต่อเนื่อง ขณะที่กองกำลังรัสเซียบุกลึกเข้าสู่ดินแดนทางตะวันออกของยูเครนมากขึ้น

สำหรับปฏิกิริยาจากฝ่ายรัสเซีย เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องที่ทรัมป์ระบุว่า ปูติน “เป็นบ้าไปแล้ว” ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวตอบโต้โดยแสดงความขอบคุณประชาชนสหรัฐฯและทรัมป์เป็นการส่วนตัว สำหรับความช่วยเหลือจนทำให้รัสเซียกับยูเครนเริ่มเปิดการเจรจาสันติภาพกันใหม่ แต่เขาก็พูดเสนอแนะว่า ทรัมป์ และคนอื่นๆ อาจจะตึงเครียดมากไปจนระงับอารมณ์ไม่อยู่

“นี่เป็นช่วงขณะที่วิกฤตมากๆ ซึ่งแน่นอนทีเดียวว่ามีความเกี่ยวพันกับการที่ทุกๆ คนมีความตึงเครียดมากเกินไปจนระงับอารมณ์ไม่อยู่เอาเลย และแสดงปฏิกิริยาแบบมีอารมณ์ออกมา” เปสคอฟ บอก

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ยังวิจารณ์ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ว่า กำลังทำให้ยูเครนถูกปฏิเสธ “ทุกอย่างที่หลุดออกจากปากเขามีแต่สร้างปัญหา ผมว่า เขาควรหยุดพูดดีกว่า”

การที่ทรัมป์แสดงความไม่พอใจเช่นนี้ ดูเหมือนมาจากการที่ช่วงหลังๆ นี้ เซเลนสกี้ พยายามแสดงตนว่ายินยอมทำตามข้อเรียกร้องของทรัมป์ทั้งในเรื่องยอมรับให้มีการหยุดยิงในทันที และการเปิดเจรจาโดยตรงกับฝ่ายรัสเซีย พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ปูตินว่าคือฝ่ายที่ดื้อรั้น และเรียกร้องให้ทรัมป์ต้องเล่นงานปูตินบ้าง โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนได้โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า ถ้าไม่มีการกดดันปูตินอย่างรุนแรง รัสเซียจะไม่หยุดกสนโจมตีใส่ยูเครนอย่างทารุณโหดร้าย และการเงียบเฉยของอเมริกาและนานาชาติรังแต่ทำให้ปูตินฮึกเหิม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนอ้างว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ รัสเซียโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปีที่เปิดฉากบุกยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คนในแคว้นซีโตเมียร์ทางภาคเหนือ

ต่อมาในวันจันทร์ (26 ) ยูริ อิกนัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนแถลงว่า รัสเซียส่งโดรนชาเฮด 355 ลำ และขีปนาวุธร่อน 9 ลูก โจมตีเมืองต่างๆ และเป้าหมายอื่นๆ ทั่วยูเครน ซึ่งถือเป็นการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในแง่จำนวนอาวุธที่ใช้ในรอบกว่า 3 ปีในสงครามยูเครน

ด้านรัสซียระบุว่า การโจมตีของฝ่ายตนพุ่งเป้าที่พวกนิคมอุตสาหกรรมการทหารของยูเครน นอกจากนั้นยังยิงโดรนยูเครนที่รุกล้ำดินแดนรัสเซียร่วง 110 ลำ

ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า โดรนจากยูเครนส่งผลให้สนามบินหลายแห่งในมอสโกต้องปิดให้บริการชั่วคราวในวันอาทิตย์ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

การโจมตีเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ยูเครนและรัสเซียกำลังจะแลกเปลี่ยนเชลยศึกกันเป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเชลยสงครามรวมฝ่ายละ 1,000 คน

คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษประจำยูเครนของอเมริกา กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการละเมิดพิธีสารอนุสัญญาสันติภาพเจนีวาปี 1977 และเรียกร้องให้หยุดยิงทันที

สำหรับทางยุโรป คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องเมื่อวันอาทิตย์ให้นานาชาติออกมาตรการขั้นเด็ดขาดที่สุดเพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม

โยฮันน์ วาเดอฟูล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ประณามการโจมตีของรัสเซีย และวิจารณ์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่อยากทำสงครามต่อ ซึ่งอียูต้องขัดขวางด้วยการเพิ่มมาตรการแซงก์ชัน

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น