xs
xsm
sm
md
lg

คาดอาเซียนออกคำแถลงย้ำความกังวลภาษีทรัมป์ ขณะ‘อันวาร์’ติดต่อขอจัดประชุมซัมมิตกับอเมริกาปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


บรรดาผู้นำของชาติอาเซียนไขว้แขนจับมือกันถ่ายภาพหมู่ตามธรรมเนียม ในระหว่างการประชุมซัมมิตของสมาคม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันจันทร์ (26 พ.ค.)
ผู้นำอาเซียนร่วมประชุมระดับสุดยอดกันในวันจันทร์ (25 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นการหารือกันครั้งแรกนับจากที่ภาษีศุลกากรของทรัมป์เขย่าบรรทัดฐานเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่า จะมีการออกคำแถลงร่วมแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนวาระปัจจุบัน ส่งหนังสือถึงทรัมป์ขอจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-อเมริกาภายในปีนี้

ในคำแถลงเปิดการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันจันทร์ (26) ที่มีการแจกจ่ายให้สื่อแต่ไม่ได้ปราศรัยบนเวทีนั้น นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย กล่าว ว่า ระเบียบทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และระบบการค้ากำลังถูกกดดันมากขึ้นอันเนื่องมาจากภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวของอเมริกา นอกจากนั้นยังมีการฟื้นลัทธิกีดกันการค้า ขณะที่ระบบพหุภาคีใกล้ล่มสลาย

ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกระส่ำระสายด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรอย่างกว้างขวางจากชาติคู่ค้าแทบจะทุกรายท ก่อนตกลงระงับไว้ก่อน 90 วันสำหรับประเทศส่วนใหญ่

จากการเปิดเผยของมาเลเซีย การหารือระดับทวิภาคีระหว่างสมาชิกบางชาติของอาเซียนกับวอชิงตันอยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างไรก็ดี อันวาร์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ตนได้ส่งหนังสือถึงทรัมป์เพื่อขอให้จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-อเมริกาภายในปีนี้

ในวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) โมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เผยว่า วอชิงตันยังไม่ได้ให้คำตอบในเรื่องดังกล่าว

อันวาร์กล่าวในวันจันทร์ด้วยว่า อาเซียนตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อประสานงานการรับมือภาษีศุลกากรของอเมริกา คู่ขนานไปกับการเจรจาทวิภาคีของสมาชิกบางชาติ

ทั้งนี้อาเซียนพึ่งพิงการส่งออกไปยังอเมริกา และได้รับผลกระทบหนักจากภาษีศุลกากรของทรัมป์ในระดับต่างๆ กัน ตั้งแต่ 10% สำหรับสิงคโปร์ จนถึง 49% สำหรับกัมพูชา

เอเอฟพีรายงานว่า จากร่างคำแถลงร่วมของที่ประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งทางสำนักข่าวได้อ่าน มีเนื้อหาส่อแสดงว่าอาเซียนจะแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการบังคบใช้มาตรการภาษีศุลกากรฝ่ายเดียว ซึ่งทำให้เกิดปัญหาท้าทายยากลำบากต่างๆ อย่างซับซ้อน

กระนั้น รัฐมนตรีการค้ามาเลเซียระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า อาเซียนจะไม่ออกมาตรการภาษีตอบโต้อเมริกาในปีนี้ แต่จะหาทางขยายความร่วมมือกับกลุ่มการค้าอื่นๆ ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป ควบคู่กับการขยายการค้าในหมู่ชาติสมาชิกด้วยกันแทน

ตามธรรมเนียมปฏิบัติของการประชุมซัมมิตประจำปีของอาเซียนนั้น หลังจากในวันแรกที่เป็นการประชุมกันเองของเหล่าผู้นำชาติอาเซียนแล้ว ในวันต่อๆ ไปจะเป็นรายการการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำของชาติคู่เจรจาต่างๆ เช่น จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐฯ เป็นต้น

สำหรับปีนี้ ยังจะมีการจัดประชุม 3 ฝ่ายครั้งแรกระหว่างพวกผู้นำอาเซียนกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน และผู้นำของสภาความร่วมมืออ่าวเปอร์เซียที่ประกอบด้วยบาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทโดยกำหนดจัดขึ้นในวันอังคาร (27) โดยคาดว่าจะมีกาตอกย้ำความพยายามในการรักษาเครือข่ายประเทศคู่ค้าที่ครอบคลุมกว้างขวาง อีกทั้งยังช่วยปกป้องเศรษฐกิจอาเซียน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับมหาอำนาจอย่างจีน ยังคงมีความซับซ้อน โดยเมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสของฟิลิปปินส์ ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนในการยอมรับประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิทางทะเล ส่งเสริมเสถียรภาพ และป้องกันการคำนวณผิดพลาดในทะเล

ปักกิ่งนั้นมีข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตในทะเลจีนใต้กับ 5 ชาติสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฟิลิปปินส์ที่มีการเผชิญหน้ากันหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

นอกจากนั้นแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ มาเลเซียยังพยายามเพิ่มความกดดันพม่า ซึ่งผู้นำรัฐบาลทหารถูกห้ามเข้าร่วมซัมมิตอาเซียน ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ปี 2021

นับจากที่อองซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนของพม่า ถูกกองทัพก่อรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 อาเซียนพยายามกดดันทางการทูตเพื่อยุติความขัดแย้งแต่ล้มเหลวมาตลอด

วันอาทิตย์ โมฮัมหมัดเรียกร้องให้พม่าขยายเวลาข้อตกลงหยุดยิงที่ประกาศภายหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือนมีนาคม แม้ยังคงมีการปะทะกันมาตลอดและทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบังคับใช้ข้อตกลงก็ตาม

ขณะเดียวกัน นักการทูตระดับสูงผู้หนึ่งเผยว่า อาเซียนอาจรับติมอร์ตะวันออกเข้าเป็นสมาชิกประเทศที่ 11 ในการประชุมสุดยอดครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม

(ที่มา: เอเอฟพี/เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น