ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอาทิตย์(25พ.ค.) จะขยายกรอบเวลาในการหยุดพักรีดภาษีเล่นงานสหภาพยุโรป(อียู) ออกไปจนถึงวันที่ 9 กรกฏาคม ท่ามกลางการเจรจาการค้าที่ดูแววมีความคืบหน้าและกำลังเดินหน้าต่อไป
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่าเขาได้บอกกับ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป "ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่ดีมากๆ" ว่าเขาจะอนุมัติตามคำร้องของเธอ ที่ขอให้ขยายเส้นตายเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มิถุนายน พร้อมระบุว่าทีมเจรจา "จะร่วมโต๊ะกันอย่างรวดเร็ว และดูว่าเราสามารถหาทางออกอะไรได้บ้าง"
ก่อนหน้านี้ ฟ็อน แดร์ ไลเอิน เปิดเผยว่าเธอ มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่ดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน หลังผู้นำสหรัฐฯเคยขู่รีดภาษีอียู 50% พร้อมบอกว่าจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับวอชิงตัน
"อียูและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางการค้าและได้รับผลกระทบร่วมกันมากที่สุดในโลก" ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ดูแลนโยบายการค้าของกลุ่มที่มีชาติสมาชิก 27 ประเทศ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "ยุโรปพร้อมสำหรับการสานต่อการเจรจาอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ และเพื่อบรรลุข้อตกลงที่ดี เราจึงต้องการเวลาจนถึงวันที่ 9 กรกฏาคม"
สหรัฐฯและอียู กำลังเจรจาทางการค้า เพื่อหลึกเลี่ยงสงครามการค้าข้ามแอตแลนติกเต็มรูปแบบ และทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องระงับมาตรการรีดภาษีเล่นงานกันและกันไปจนถึงเดือนกรกฏาคม
แต่ ทรัมป์ เพิ่มเดิมพันเมื่อวันศุกร์(23พ.ค.) ด้วยการส่งเสียงคร่ำครวญว่าการเจรจากับอียู "ไม่มีความคืบหน้าไปไหน" และขู่ปรับขึ้นเพดานภาษีกับสินค้านำเข้าจากอียูทุกประเภทเป็น 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็ฯต้นไป
ผู้นำสหรัฐฯ บอกในวันศุกร์ ว่า "เขาไม่ได้กำลังมองหาข้อตกลงกับอียู" พร้อมเน้นย้ำมุมมองที่เคยพูดซ้ำๆว่าสหภาพยุโรปถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเอาเปรียบสหรัฐฯ
ลาร์ส คลิงเบล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ส่งเสียงเรียกร้องแยกกันในวันเดียวกัน สำหรับ "การเจรจาอย่างจริงจัง" กับวอชิงตัน พร้อมเผยว่าเขาได้พูดคุยกับ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
"เราไม่ต้องการการยั่วยุใดๆเพิ่มเติม แต่เป็นการเจรจาที่จริงจัง" คลิงเบล ซึ่งรวบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ "มาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ก่ออันตรายแก่เศรษฐกิจอเมริกา มากพอๆกับเศรษฐกิจเยอรมนีและเศรษฐกิจยุโรป"
ทรัมป์ กำหนดมาตรการรีดภาษีเล่นงานอียู 3 ชุด ในนั้นรวมถึงเพดานภาษี 25% สำหรับเหล็ก อลูมีเนียมและยานยนต์นำเข้า ตามด้วย "ภาษีตอบโต้" 20% ที่กำหนดเล่นงานสินค้านำเข้าทุกประเทศ แต่ถูกระงับไว้ระหว่างการเจรจา ทว่าภาษีพื้นฐาน 10% ยังคงมีผลบังคับใช้
มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการการค้าของอียู เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันศุกร์(23พ.ค.) ว่าอียูมุ่งมั่นหาทางบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของการเคารพกันและกัน ไม่ใช่การข่มขู่ เขาบอกเพิ่มเติมว่า "การค้าอียู-สหรัฐฯ หาที่เปรียบไม่ได้และต้องนำทางด้วยการเคารพกันและกัน" แต่ขณะเดียวกันเขายืนกรานว่าทางกลุ่มพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
บรัสเซลส์ แถลงแผนกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเกือบ 100,000 ล้านยูโร(ราว 146,140 ล้านดอลลาร์) ถ้าการเจรจาไม่สามารถคลอดข้อตกลงใดๆ
สหรัฐฯขาดดุลทางการค้ากับอียู ในแง่ของสินค้า อยู่ที่ 236,000 ล้านดอลลาร์(303,220 ล้านยูโร) ในปี 2024 แต่หากนับรวมภาคบริการ ซึ่งบรรดาบริษัทอเมริกาครองความเป็นเจ้าในด้านนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปคำนวณว่าตัวเลขขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 50,000 ล้านยูโรเท่านั้น
(ที่มา:สเตรทไทม์ส)