ในช่วง 12 เดือนจนถึงมีนาคม 2025 มีพลเมืองสหรัฐฯมากกว่า 6,000 คน ยื่นคำร้องทั้งขอเป็นพลเมืองสหราชอาณาจักร หรือพำนักและทำงานในประเทศแห่งนี้อย่างไม่มีกำหนด เป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจดบันทึกเปรียบเทียบกันในปี 2004 อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรที่เผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว มีชาวอเมริกา 6,618 คน ยื่นขอเป็นพลเมืองสหรชอาณาจักร ในนั้นมากกว่า 1,900 คน เป็นคำร้องที่ยื่นระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัย 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์
การยื่นคำร้องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงต้นปี 2025 ส่งผลให้มันเป็นไตรมาสที่มีจำนวนผู้ยื่นคำร้องสูงสุด มากกว่าไตรมาสไหนๆนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกมา
ตัวเลขนี้มีออกมาในขณะที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรภายใต้รัฐบาลของพรรคเลเบอร์ กำลังพยายามลดจำนวนคนเข้าเมืองที่มุ่งหน้าสู่ประเทศของพวกเขา โดยที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ประกาศ "ทวงคืนการควบคุมชายแดนของเรา" และเตือนว่าการไม่ควบคุมคนเข้าเมือง อาจทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็น "เกาะแห่งคนแปลกหน้ ไม่ใช่ประเทศที่ก้าวเดินไปด้วยกัน"
ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวถือว่าสวนทางกับจำนวนคนเข้าเมืองสุทธิของสหราชอาณาจักรในปี 2024 ที่ลดลงเกือบครึ่ง เหลือ 431,000 คน เมื่อเทียบกับปี 2023
การเพิ่มขึ้นของชาวสหรัฐฯที่ยื่นขอเป็นพลเมืองสหราชอาณาจักร หรือพำนักและทำงานในสหราชอาณาจักร มีขึ้นในขณะที่พวกทนายความด้านคนเข้าเมืองอเมริกา บอกว่าพวกเขาได้รับการสอบถามข้อมูลในจำนวนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน บางส่วนชี้ถึงบรรยากาศทางการเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในประเทศที่นำโดยทรัมป์ ซึ่งตัวเขาเองยกระดับปราบปรามที่เกี่ยวข้องกับคนเข้าเมืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
มูฮันทาน ปาราเมสวาราน ทนายความด้านคนเข้าเมือง ณ วิลสันส์ โซลิซิตอร์ส ในลอนดอน บอกกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ว่าการสอบถามข้อมูลเพิ่มขึ้นทันทีตามหลังศึกเลือกตั้งและถ้อยแถลงต่างๆนานาเกี่ยวกับการปราบปรามคนเข้าเมือง
"ชัดเจนว่ามีการสอบถามจากพลเมืองสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น" เขาบอกกับนิวยอร์กไทม์ส "ประชาชนที่อยู่ที่นี่แล้ว อาจกำลังคิดว่าตนเองต้องการทางเลือก 2 สัญชาติ ในกรณีที่ไม่ต้องการกลับไปสหรัฐฯอีกแล้ว"
ซีนา ลูโชวา จากสำนักงานด้านคนเข้ามืองลอรา เดไวน์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านคนเข้าเมืองสหรัฐฯเข้าสู่สหราชอาณาจักร ชี้ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับภูมิทัศน์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ท่ามกลางรัฐบาลทรัมป์ และการเพิ่มขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่กับพลเมืองสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลเมืองของประเทศอื่นๆที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักรด้วย
"สิ่งที่เราเห็นจากการสอบถาม คือมันไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความเป็นพลเมืองสหราอาณาจักร มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสาะแสวงหาโยกย้ายถิ่นฐานมากกว่า" ลูโชวากล่าว
อย่างไรก็ตามการที่มีพลเมืองสหรัฐฯยื่นคำร้องขอเป็นพลเมืองสหราชอาณาจักร หรือพำนักและทำงานในประเทศแห่งนี้ ไม่ได้สะเท้อนสภาพแวดล้อมทางการเมืองภายในประเทศเสมอไป เนื่องจากในบรรดาพลเมืองสหรัฐฯที่ยื่นคำร้องเมื่อปีที่แล้ว มีอยู่ 5,521 คน ที่มาจากคนที่มีสิทธิ์อยู่แล้วผ่านคู่สมรส หรือมีความสัมพันธ์ทางครอบครัว
ปาราเมสวาราน บอกว่าตัวเลขการยื่นคำร้องอาจจะพุ่งขึ้นอีก แม้รัฐบาลสหราชอาณาจักรขยายกรอบเวลาสำหรับการเข้าคุณสมบัติจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ก่อนที่พวกเขาจะสามารถยื่นขอตั้งรกรากใดๆ เนื่องจากพวกนักการเมืองรัฐบาลพรรคเลเบอร์แย้มว่าผู้ยื่นคำร้องบางส่วนอาจสามารถหลบหลีกข้อกำหนดต่างๆเหล่านั้นได้
(ที่มา:การ์เดียน)