เศรษฐกิจเยอรมนีอาจสูญเงินสูงสุด 200,000 ล้านยูโร(7.39 ล้านล้านบาท) ในช่วงสิ้นปี 2028 หากว่ามาตรการรีดภาษี 50% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลากยาวไปจนถึงหมดวาะการดำรงตำแหน่ง จากรายงานของสถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี ที่เผยแพร่เมื่อช่วงปลายสัปดาห์
สหรัฐฯคือคู่ค้าหลักของเยอรมนี มูลค้าการซื้อขายสินค้าระหว่างกันรวมแล้วกว่า 253,000 ล้านยูโร(9.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2024 อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ ด้วยตัวเลขการเกินดุลการส่งออกของเยอรมนี ในด้านการค้าขายกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 17,700 ล้านยูโร(ราว 654,000 ล้านบาท) ทำให้พวกเขามีหนึ่งในบรรดาคู่ค้าที่เกินดุลสหรัฐฯมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025
รายงานของสถาบันเศรษฐศาสตร์เยอรมนี(IW) ระบุว่าตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2028 ผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศ จะเติบโตโดยเฉลี่ยต่ำกว่ากรณีที่ไม่ถูกรีดภาษี 1.1% และถ้าอียูใช้มาตรการตอบโต้แบบเดียวกัน ความเสียหายโดยรวมอาจเพิ่มขึ้นเป็น 250,000 ล้านยูโรในช่วงปี 2028
ข้อความที่โพสต์บนทรัตช์ โซเชียล ในวันศุกร์(23พ.ค.) ทรัมป์ กล่าวหาว่า อียู ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์หลักคือเอาเปรียบสหรัฐฯในด้านการค้า พ้อมบอกว่าทางกลุ่ม "ต่อรองด้วยยากมากๆ"
นอกจากนี้เขายังกล่าวหาอียูใช้นโยบายเศรษฐกิจ, ภาษีและการควบคุมกฎระเบียบที่สร้างความเจ็บปวด เช่นเดียวกับดำเนินการฟ้องร้องอย่างไม่ยุติธรรมและไม่ชอบธรรมกับบรรดาบริษัทอเมริกา ที่เขาบอกว่าเป็นปัจจัยหนุนที่ก่อให้เกิดตัวเลขขาดดุลการค้า "ที่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง"
อ้างอิงสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ปัจจุบันตัวเลขขาดดุลการค้ากับอียู อยู่ที่ 240,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และทรัมป์กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากการเจรจาการค้าที่หยุดชะงัก เขาแนะนำให้รีดภาษีสินค้านำเข้าจากอียูทุกประเภท 50% ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2025
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบบเดียวกันผ่านสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ โดยระบุเขาเชื่อในมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ชี้ว่าข้อเสนออียู ไม่ได้ตามมาตรฐานที่บรรดาคู่หูทางการค้าหลักอื่นๆทำเอาไว้ "ผมจะไม่เจรจาต่อรองทางทีวี แต่ผมหวังว่านี่จะเป็นสัญญาณเตือนไปถึงอียู"
มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการการค้าของอียู เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันศุกร์(23พ.ค.) ว่าอียูมุ่งมั่นหาทางบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของการเคารพกันและกัน ไม่ใช่การข่มขู่ เขาบอกเพิ่มเติมว่า "การค้าอียู-สหรัฐฯ หาที่เปรียบไม่ได้และต้องนำทางด้วยการเคารพกันและกัน" แต่ขณะเดียวกันเขายืนกรานว่าทางกลุ่มพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)