xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “จตุพร” ปราศรัยเปิดใจ จับมือ “สนธิ” ทวงความถูกต้องให้คนไทย หลังเห็นตัวตน “ทักษิณ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 25 พ.ค.2568 ในการจัดรายการ “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมประชาชน และอดีตแกนนำ นปช. ได้มาขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวต้อนรับและแนะนำ ก่อนที่นายจตุพรจะปราศรัยเล่าถึงที่มาที่ไปของการมาร่วมงานกับนายสนธิครั้งนี้



สนธิ ลิ้มทองกุล :

ก่อนที่ผมจะแนะนําผู้ปราศรัยคนต่อไปนี้ ผมต้องเล่าให้ฟังที่มาที่ไปก่อน ผมรู้จักคุณจตุพร พรหมพันธุ์ มาตั้งแต่สมัยเค้ายังเป็นศัตรูกับผม

ตอนนั้นผมลุกขึ้นมาเพื่อสู้กับทักษิณ ชินวัตร คุณจตุพรยืนข้างคุณทักษิณ ชินวัตร เราปะทะกันมากมายหลายยก หลังจากนั้นแล้วเนี่ยวิถีชีวิตของแต่ละคนก็ต้องจากกันไปจากกันมา จนกระทั่งเรามาพบกันอีกทีหนึ่งที่ศาลอาญา แล้วก็ในเรือนจํา

คุณจตุพรอยู่ที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ผมอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ พอเจอกันแล้วเนี่ย วันนั้นเหมือนกับว่า มันไม่มีอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว ก็พูดคุยกันเหมือนคนปกติธรรมดาและก็คนที่รักชาติรักบ้านเมืองเหมือนกัน

แต่เผอิญวันนั้นผมสัมผัสคุณจตุพรได้พอสมควรว่ าคุณจตุพรที่อยู่ในคุก เจอผมนั้นไม่ใช่จตุพร พรหมพันธุ์ คนเก่า กลายเป็นคนที่มีความขมขื่นเจ็บปวดกับชีวิตของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองเคยเชื่อมาก่อน

แล้วผมก็เจอเขาอีกครั้งหนึ่งที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพ หรือว่าที่ศาลอาญา หลังจากนั้นแล้วผมก็เลยมาติดตามเขาตลอดเวลา จากการที่เขาออกมาแล้วเขาประกาศที่จะสู้กับทักษิณ ชินวัตร ทั้งๆ ที่เค้าเคยเป็นคนที่ทํางานให้ทักษิณ ชินวัตร แบบถวายหัว


ผมก็สงสัยว่าที่เขาทํางานแล้วออกมาต่อสู้ ต่อต้านทักษิณนั้น มันเป็นของจริงหรือของปลอม ผมติดตามดูเขาประมาณ 2-3 ปีละ แล้วก็ในช่วงที่เค้าไปประท้วงกับกลุ่ม คปท.ที่มีคุณนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เขาได้มีโอกาสมาขอเข้าพบผมกับคุณนิติธร ชักชวนให้ผมออกมานําประชาชน

ผมสัมผัสคุณจตุพรแล้วผมมีความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเดิมจริงๆ นะ เค้าเป็นคนที่มุ่งมั่น เขาไม่ใช่คนที่จะทําลายทักษิณเพียงอย่างเดียว เขาเป็นคนที่พร้อมที่จะทํางานเพื่อส่วนรวมละ เค้าไม่มีสี นะฮะ ไม่มีสี

ผมก็เลยบอกกับเขา บอกว่าเฮ้ยตู่ ถ้าพี่จะทํางานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่ผมออกแบบมา ตู่พร้อมจะร่วมกับพี่ไหม

เขาก็บอกพี่สนธิครับ ผมนี่เจ็บปวดกับการเมืองมามาก ผมเจอของปลอมมามาก ทุกวันนี้ผมยืนหยัดขึ้นมาเพื่อเปิดโปงของปลอมพวกนี้ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ

ผมบอกเฮ้ยตู่ เอ็งกับพี่เนี่ย เอ็งอ่อนกว่าพี่ 18 ปี ผม 78 จตุพร ตุลาคมนี้จะ 60 สมัยที่พี่สู้กะทักษิณ เอ็งยังหนุ่มแน่นอยู่ 18 ปีที่แล้ว 20 ปีที่แล้ว 2548 ตอนนั้นเอ็ง เพิ่งจะ 40 ห้าวเป้ง มีความรู้สึกว่าทักษิณคือเทวดา แต่วันนี้ตู่รู้แล้วว่าทักษิณคือซาตาน

ผมบอกเอางี้ดีกว่าตู่ พี่จะทํางานชิ้นใหญ่ทิ้งไว้ เป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลังได้รับไม้ต่อจากพี่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผมจะพูดตอนท้ายสุดในวันนี้ ตู่จะมาร่วมกับพี่มั้ย

ตู่บอก พี่สนธิ ผมนี่ติดตามพี่มานาน แม้กระทั่งในช่วงที่ผมสู้กับพี่สนธิ โดยเชื่อคนอย่างทักษิณมัน ผมยังเคารพในตัวพี่สนธิเลย เพราะพี่สนธิวันนั้น 2548 กับวันนี้พี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพี่ให้เกียรติผม ดึงผมมาร่วม ผมอับอายขายหน้ามากในอดีตที่ผมมี


ผมบอก เฮ้ยตู่ พี่ไม่อยากจะอ้างอิงพุทธประวัติ เพราะว่าเอ็งไม่ใช่องคุลีมาล เพราะองคุลีมาลนั้นฆ่าคน แต่ว่ามันร้ายกว่าองคุลีมาลนะ เพราะว่าความคิดคนมันฆ่าคนได้เยอะกว่าองคุลีมาลฆ่า แต่วันนี้พี่เชื่อว่าเอ็งกลับตัวกลับใจละ ถ้าเองพร้อมเอ็งพร้อมมั้ยจะมาเป็นสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน เอ็งทิ้งหมดทุกอย่างเลย แล้วมาอยู่กับพี่ ชีวิตพี่ สุดท้ายของพี่ก็คือ การทวงความถูกต้องให้คนไทย

ตู่บอกว่า ผมพร้อมพี่ ผมก็เลยเชิญบอกเฮ้ยตู่ เอ็งมาขึ้นเวทีกับพี่ แต่พี่รู้มีคนไม่ชอบเอ็งเยอะในที่นี้ พี่ต้องขึ้นมาอธิบายให้พ่อแม่พี่น้องที่เค้ารักพี่เข้าใจว่าวันนี้เขาไม่ใช่คนเดิมแล้ว

พี่จะบอกพ่อแม่พี่น้องพี่ว่าให้โอกาส จตุพร พรหมพันธุ์ ในการทําคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตก็ได้

วันนี้ท่านผู้ชมครับ ข้อเท็จจริงพวกเราเนี่ย ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากวันนั้นถึงวันนี้ เราต้องเปิดใจให้กว้าง คนที่เคยหลงผิดแล้วเขาเข้าใจอะไรผิดแล้วเขาไปเจอความเลวความชั่วร้ายของจริง อย่างน้อยเขาก็ยอมรับว่าทักษิณนี่มันเลว

พี่น้องครับ เราต้องให้โอกาส จตุพร พรหมพันธุ์ ผมเต็มใจที่ให้โอกาสเค้า ผมขอให้พ่อแม่พี่น้องให้โอกาสกับเขา เพราะการที่เขากล้ามาขึ้นเวทีนี้เนี่ย แสดงว่าเขามีความกล้าหาญในใจละ เราต้องให้โอกาสเค้าแล้ว

ผมเชื่อว่าผมมองคนไม่ผิดนะฮะ เราลองฟังเค้าดู แล้วเค้า จากการที่เค้าร่วมกับคปท.และทนายนกเขา ต่อสู้เรื่องโรงพยาบาลตํารวจชั้น 14 มาตลอดเวลา โดยไม่หยุด มันก็เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งพิสูจน์ว่าจตุพร พรหมพันธุ์ วันนี้ไม่ใช่จตุพร พรหมพันธุ์ คนเก่า

พี่น้องครับ ขอให้โอกาสจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งตอนนี้ผมรับเขาเป็นน้องแล้ว

คุณจตุพรครับ เชิญครับ

จตุพร พรหมพันธุ์:


พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน ผมเชื่อว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีมานี้ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้นั้นไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น

เพราะคําว่า ทวงความถูกต้องให้กับคนไทย นั้นเป็นหัวใจหลัก นําพาให้ผมได้มาพบกับพี่สนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนี้

ผมเรียนกับพี่น้องว่าพี่สนธิได้ชวนผมในขณะที่พบกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อประมาณสัก 7 ปีที่แล้ว ว่าเราจะได้มีโอกาสได้มาถ้อยแถลงพร้อมๆ กัน

ผ่านมา 7 ปี เพิ่งประสบความสําเร็จในวันนี้

ก่อนหน้านี้ 5 วันผมเนี่ยนะครับ เหมือนว่านะครับว่า ของคุณสนธินี่แรงเหลือเกินอยู่ดีๆ ผมนี่ป่วยติดโควิดมาเมื่อ 5 วันที่แต่ก็ได้ฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ

ผมก็ไม่กล้าบอกทางพี่สนธิว่าสถานการณ์ทางร่างกายจะเป็นอย่างไร ก็อาจจะอัดยา อัดยา จนกระทั่งสภาพพร้อมในวันนี้พี่น้องที่เราทั้งหลาย

ณ วันนี้ ไม่มีอะไรสําคัญมากกว่าบ้านเมือง มากกว่าประเทศไทย

ที่ผ่านมา ผมจะอย่างไร ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กทั้งสิ้น

เรื่องใหญ่ที่สุด เรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในวันนี้ คือจะนําพาให้ประเทศไทยเราได้เดินไปในทิศทางหลักที่ถูกต้อง และพลิกฟื้นชาติบ้านเมืองขึ้นมาได้อย่างไร ต่างหากเล่า


เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับ ตลอดระยะเวลาชีวิตหนึ่งนั้น ผมได้ผ่านในแต่ละเหตุการณ์ในแต่ละเรื่องราว มารู้ตัวอีกทีก็อายุ 60

ปี 2535 เป็นตัวแทนจากรามคําแหง ร่วมกับ อุสมาน ลูกหยี และบรรดาพรรคพวกให้มาเป็นโฆษกการชุมนุมใหญ่ จนกระทั่งทัพราชดําเนินแตก และผมก็เป็นไม้สุดท้ายในเหตุการณ์ปี 2535 ยึดรามคําแหงเป็นเรือนตาย เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายฝ่าย ประชาชน

ด้วยความสัตย์จริงว่าบรรดาหมู่มิตรก่อนที่เราจะมีเรื่องสีเสื้อเกิดขึ้นกันมานั้นอยู่ในเวทีเดียวกับพฤษภา 2535 ทุกคน แต่จังหวะชีวิตผมเนี่ย เนื่องจากว่าผมนี่ติดตัวมหาจําลองไปเข้าพรรคพลังธรรม พล.ต.จําลอง ศรีเมือง ไปเอาทักษิณ ชินวัตร เข้ามา ผมก็เลยติดพันกับเขาตรงนั้น เรื่องของเรื่องมีอยู่เท่านี้

หมู่มิตรทั้งหมดไม่เคยมีปัญหาใดๆ เป็นการส่วนตัว และนี่นะครับ ยังห่วงหากันเสมอ

วันที่ชุมนุมที่ลานพระรูปเนี่ยนะครับ ของพันธมิตรฯ ครั้งแรก พี่สุวิทย์ วัดหนูขณะนั้นเนี่ยนะครับ ทําหน้าที่เป็นโฆษกเนี่ย เป็นมิตรร่วมรบในเหตุการณ์พฤษภา 35 กันมา โทรศัพท์มาหาผมและให้พูดคุยกันทีละคน ธรรมดาหมู่มิตรที่เคยร่วมรบกัน ขณะนั้นเหมือนกันว่าอยู่กันตรงกันข้าม ให้วิจารณ์การพูดการปราศรัยของแต่ละคนด้วยความเป็นมิตรไมตรี

ผมเรียนกับพี่น้องว่า เมื่อผมมาเจอบรรดาหมู่มิตรที่ผ่านเวทีสู้รบในเหตุการณ์พฤษภา 35 กันมานั้น เราแทบไม่ต้องทบทวนความหลังกัน จูนกันได้ทันที ทันทีที่ผมประกาศรบกับทักษิณ ชินวัตร ทุกคนก็นับญาติกับผมเหมือนเดิม

ผมก็พูดชัดเจนทุกคนก็รู้จัก ว่าผมก็เป็นคนของผม พรรค์อย่างนี้ ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ แล้ววันนี้ผมก็เห็นแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่

เพราะในระหว่างการต่อสู้ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายเนี่ย วันที่ทักษิณกลับมายังประเทศไทย แล้วยื่นถวายฎีกาต่อในหลวง และถูกบันทึกไว้ในพระบรมราชโองการว่าเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม พารากราฟต่อมาบอกว่ายอมรับว่ากระทําความผิดจริง ความผิดที่ว่าคือความผิดตามคําพิพากษา บัดนี้สํานึกแห่งการกระทํานั้นแล้ว แปลความว่าฝ่ายต่อต้านทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมานั้น ได้ทําในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะทักษิณมาสารภาพว่าทําผิดจริง แล้วเขาสารภาพกับพระเจ้าแผ่นดินเสียด้วยซ้ำ

มันจึงไม่ใช่เรื่องเป็นผลพวงกับการยึดอํานาจ มันไม่ใช่เรื่อง คตส. มันไม่ใช่เรื่องตุลาการภิวัฒน์อีกต่อไป เพราะนี่นะครับ การยอมรับว่าทุจริตจริง กระทําความผิดจริงไม่ว่าระบอบการเมืองใด ทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าเผด็จการหรือประชาธิปไตยก็ตาม


วันนี้เนี่ยนะครับหลายคนเนี่ยนะครับ ได้ติดตามข่าวสาร วันๆ ก็ไม่มีใครตั้งคําถามอื่น ถามกันว่าทักษินจะหนีหรือไม่ ถามไม่พอ แล้วตอนนี้หนีไปแล้วหรือยัง

ผมนี่อยากให้ทักษิณอยู่ อยู่เพื่อได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ผม อย่างพี่สนธิได้ซึมซับในเรือนจํา

เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ไม่มีคนไทยคนไหนจะได้รับโอกาสเหมือนกับ ทักษิณ ชินวัตร อีกแล้ว

จากโทษ 12 ปี หนีจนขาดอายุความไป 2 ปี เหลือ 10 นับพร้อมหนึ่งเหลือ 8 จาก 8 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้รับพระเมตตาลดโทษให้เหลือ 1 ปี แต่ 1 ปีไม่ยอมติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ถ้าเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฏีกานั้น คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่หนี แต่นี่นะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนไป เขาตายให้ เช่น เหตุการณ์ทั้งหมดเพราะการถูกยึดอํานาจ เหตุการณ์ทั้งหมดเพราะ คตส. เหตุการณ์ทั้งหมดเพราะตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งผมบอกแล้วว่าทักษิณสารภาพเองว่ามันไม่ใช่

และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้ปกป้องทักษิณ ก็คือเรื่องสองมาตรฐาน เรื่องอภิสิทธิ์ชน ทักษิณกลับมาทําครบทุกข้อเลยพี่น้องที่รักทั้งหลาย


หลายคนได้ตั้งคําถามว่า รอบต่อไปใครจะมายอมตายให้กับทักษิณบ้าง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นมันคือคําตอบแล้ว ผมได้อธิบายความกับพี่น้องทั้งหลายว่า อย่างน้อยตั้งแต่ 22 สิงหาคม ปี 66 เป็นต้นมานั้น แม้ว่าบ้านเมืองเนี่ยนะครับ ทุกคนผ่านความเจ็บปวด การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกันแบบนี้ ภาคประชาชนไม่รู้จะมุดหน้ากันไปที่ไหนนะครับ อกหักกันทุกฝ่ายละครับ การจัดตั้งรัฐบาลกันแบบนี้ ถางป่ามาเจอกัน ไม่ถามประชาชนสักคํา

แต่พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราอาจจะได้เห็นความล้มเหลวในการบริหารประเทศแต่สิ่งที่เป็นคุณอย่างหนึ่ง นั่นคือคนไทยได้เห็นตัวตนความเป็นทักษิณ ชินวัตร

อย่างน้อยที่สุดเนี่ยนะครับ บรรดาผู้สนับสนุนหูตาได้สว่างมากยิ่งขึ้น เพราะการกระทําของทักษิณทั้งหมดเป็นการทําลายตัวเองอย่างย่อยยับมากที่สุด โดยไม่มีใครไปทําอะไร ทักษิณตอนที่อยู่ต่างประเทศกระแสนี่สูงปรี๊ด เพราะคนเห็นว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม แต่พอทักษิณกลับมาเนี่ยนะครับประเทศไทยตั้งแต่ 22 สิงหาคม ปี 66 จนกระทั่งบัดนี้คนไทยได้แลเห็นความเป็นตัวตนของทักษิณอย่างครบถ้วน

เพราะฉะนั้นเนี่ยครับ สิ่งที่เสียไปนั่นคือการได้รัฐบาลแบบนี้ แต่สิ่งที่คนไทยได้ก็คือว่าเราได้เห็นเนี่ยนะครับ การเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของทักษิณ ชินวัตร และพี่น้องเชื่อผมเถอะครับว่า หาคนไปตายเนี่ยแทบจะมองไม่เห็นในเวลาตอนนี้

วันนี้ผมเรียนกับพี่น้องว่าถ้าเราได้เนี่ยนะครับ ได้ทําในสิ่งที่ถูกต้อง ท่านพุทธทาสบอกว่า ถ้าวันนี้ถูกต้องพรุ่งนี้ก็ถูกต้อง ผมเติมอีกว่ามะรืนมันก็ถูกต้อง เพราะฉะนั้นมาเริ่มต้นทําวันนี้ให้ถูกต้องในแผ่นดินนี้เถอะครับพี่น้องที่รักทั้งหลาย

อะไรที่มันไม่ถูกต้องก็ทําให้มันถูกต้องเสีย เพราะเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าบัดนี้เนี่ยนะครับ บ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน เรานี่นะครับ มันเลยคําว่า ปฏิรูปแล้ว มันต้องถึงขั้นการปฏิวัติ ถึงขนาดจะต้องล้างบางประเทศนี้กันเสียใหม่โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติ และประชาชนให้แข็งแรง

เพราะเนี่ยนะครับ ในแต่ละกระบวนการนั้นเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอเพียงแค่เรื่องประชาธิปไตย เพียงแค่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ก่อนจะเข้าหน่วยเลือกตั้งซื้อเสียงกันมาตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา แล้วเราก็อธิบายว่านี่คือประชาธิปไตย

เรามีหน่วยงานที่ดูแลการเลือกตั้ง อย่างกับพวกคุณธรรมต้นแบบ อย่าง กกต.ซึ่งนี่นะครับ ได้คัดเลือกมนุษย์พันธุ์ตาบอดหูหนวกไม่รับรู้ใดๆ ในการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ ขณะนี้ แล้วก็มีหน้ารับรองไปก่อนแล้วก็ลืมสอยทีหลัง เวลาอธิบายว่ารับรองไปก่อน สอยทีหลัง แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่ารับรองไปก่อน แล้วลืมสอยทีหลัง

เมื่ออํานาจมันได้มาจากการซื้อเรียงตามลําดับ และเราพึงพอใจกับการไปกากบาทในหน่วยเลือกตั้ง แล้วก็บรรยายว่านี่คือประชาธิปไตย ไม่สนใจเรื่องธรรมาภิบาล ไม่สนใจเรื่องความโปร่งใส

การที่ต้นทางการได้ผู้ปกครองทุกระดับแบบนี้ ดัชนีความโปร่งใส 100 คะแนนเต็มเราได้ 34 คะแนนลําดับที่ 107 แต่มีรสนิยมแบบร้อยเต็ม แต่การกระทําอยู่ลําดับที่ 107 ได้ 34 คะแนน

เพราะต้นทางมันผิดพลาดกันมาโดยตลอด เราจะไปแสวงหาความซื่อสัตย์สุจริตที่ปลายทางได้อย่างไร เมื่อต้นทางมันไม่สุจริต เราเป็นประเทศเดียวที่คดีในศาลอาญาทุจริตชุกที่สุด ศาลฎีกาแผนกแผนกคดีอาญาผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองก็ทําหน้าที่อย่างมากมาย

เราคอยดูการรายงานข่าว ดูข่าวคําพิพากษาจําคุกเวียนกันมาอย่างนี้ ไม่มีใครคิดจะแก้ไข ตึก สตง.ล่มทีเราก็มาพูดที ความหายนะ มันอยู่ทุกหย่อมหญ้า

เมื่อพี่สนธิมาชวนทําเรื่องความถูกต้อง เราก็ต้องรื้อระบบเนี่ยนะครับ ของประเทศนี้ให้หมด


วันนี้โลกไม่ได้สนใจเรื่องระบอบการปกครอง ประเทศโลกเสรีที่อ้างตัวอย่างอเมริกาเนี่ยกระโดดไปลงทุนที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ข้ามหัวประชาธิปไตยอย่างประเทศไทยไป

หลักใหญ่ใจความก็คือว่า มันอยู่ที่ธรรมาภิบาล และความโปร่งใส เป็นการปราบปรามคอร์รัปชั่นอย่างสิ้นซาก ก็จะกลายเป็นประเทศที่น่าลงทุนโดยทันทีครับพี่น้องที่รัก

เรามาติดแบบประชาธิปไตยแบบรูปแบบกากบาท แต่นี่นะครับไม่สนใจที่มาของการกากบาท ดังนั้นเนี้ยนะครับเมื่อโลกมันข้ามเรื่องการปกครอง มันอยู่ที่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ รื้อขบวนการทุกกระบวนการ ไม่ใช่รอศาลอาญาทุจริตคอยตัดสิน มันต้องปราบให้เหี้ยนตั้งแต่ต้นทาง แล้วต้องกล้าประหารไอ้ตัวเป้งๆ เหมือนเวียดนามมันทําบ้าง พี่น้องทั้งหลาย

ประหารเพียงไม่กี่รายเท่านั้นแหละครับ แผ่นดินก็ขาวเกลี้ยงเหมือนกันแหละครับ แต่ถ้าทุจริตแล้วไม่ติดคุกสักวัน บ้านเมืองนี้ก็จะเต็มไปด้วยทุจริต มันจะต้องเต็มไปด้วยชั้น 14 อีกกี่คนเล่าที่ต้องคดีทุจริต

ผมเรียนกับพี่น้องว่าหลายคนบอกว่าแล้วทําไมบ้านเมืองนี้เศรษฐกิจไม่ดี ก็อ้างโควิดอ้างประธานาธิบดีทรัมป์ ผมก็บอกว่าโควิดมันมาเจอกันทั้งโลก ในอาเซียนไม่มีประเทศไหนไม่เจอ ในเอเชีย ยุโรปครบถ้วน ภาษีทรัมป์ยังอยู่ระหว่าง 90 วันกันอยู่แล้วทําไมประเทศไทยของเราจึงรั้งท้ายในภูมิภาคอาเซียน อาจจะมีพม่ามาตามหลังเราเล็กน้อย แต่ที่เหลือเนี่ยครับแซงหน้าเราไปหมดแล้ว

ไม่รู้ใครชอบพูดว่า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะว่ามันเป็นทฤษฎีของคนอยู่หลังเพื่อนอ่ะ แต่ผมบอกกับพี่น้องไง ความเชื่อมั่นเนี่ยครับ ที่ประชาชนและประชาคมโลกที่เขาต้องมีกับรัฐบาล ถ้าเขาไม่เชื่อมั่น ทําให้ตายมันก็ไม่ฟื้น

แต่ละประเทศเขาก็เจอเหมือนกับเรา ทําไมเขาพาไปได้ ทําไมเนี่ยครับว่ารัฐบาลนี้บางคนเป็นคนเดิม เคยอ้างว่าประสบความสําเร็จ แต่พอการเมืองมันเสีย พอ ตระบัตรสัตย์ข้ามขั้ว อย่าว่าแต่คนไทยไม่ยอมรับ โลกมันก็ตีเตียนโลกมันก็ไม่ยอมรับ อย่าหาความสําเร็จแบบนี้เลย พี่น้องที่รักทั้งหลาย

เพราะฉะนั้นเรื่องเศรษฐกิจ ร้านอาหารนี่ไปก่อนเพื่อน โรงงานนี่ทยอย บริษัทต่างชาติก็ทยอยย้ายฐานการผลิต คนใหม่ก็ไม่มา คนไทยเนี่ยครับก็กําลังจะตายจากภาวะเศรษฐกิจ สภาพัฒน์บอกว่าคนไทยเก็บเงินสดไว้มากๆ ปัญหาที่เขาถามกลับไปสภาพัฒน์ว่า จะเอาเงินสดที่ไหนมาเก็บวะ

เพราะฉะนั้นเนี่ยพี่น้องที่รักทั้งหลาย สภาพการณ์ ณ ขณะนี้เนี่ย รัฐบาลแบบนี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ มันก็ไม่ใช่คําตอบ แล้วเมื่อคิดอะไรไม่ออก สร้างบ่อนคาสิโนดีกว่า นี่คือทางรอดของประเทศไทย
ผมเรียนกับพี่น้องว่า เราเนี่ยนะครับ ไม่คาดคิดว่า เราเดินมาถึงจุดแห่งความล้าหลัง เมื่อก่อนนี่นะครับความเป็นประเทศไทย เราเป็นแบบอย่างในภูมิภาคนี้ เราเป็นประเทศเดียวที่เป็นเอกราชในภูมิภาคนี้ แต่เพราะนี่นะครับการเมืองแบบนี้ระบอบการเมืองการปกครองแบบนี้ กลายเป็นว่าเราทําให้ประเทศไทยเราล้าหลัง

บัดนี้เรารอให้นักการเมืองมาเปลี่ยนไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนโดยประชาชน ต้องคิดเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ครับพี่น้องที่รักทั้งหลาย

เรื่องความยุติธรรมก็เฉกเช่นเดียวกัน เดี๋ยวอาจารย์ปานเทพคงจะต่อกับผมเรื่องแตงโม แต่ผมเรียนกับพี่น้องว่า ถ้าเราจัดการเรื่องความยุติธรรมอย่างถูกต้อง อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ต้นทาง ตํารวจ ดีเอสไอ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ คุมประพฤติ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เราเป็นประเทศที่ไม่เคยสังคายนาเรื่องกระบวนการยุติธรรมอย่างครบถ้วน ความยุติธรรมนั้นต้องไม่เป็นความสงสัย แล้วถ้าประเทศปราบปรามทุจริตได้และความยุติธรรมมันถูกต้อง เห็นมั้ย เราก็จะลอด เรียงข้อตามลําดับ

บัดนี้เราควรปฏิรูปเนี่ยนะครับ ซึ่งผมพูดว่าเลยการปฏิรูป ต้องล้างชําระพร้อมๆ กัน โดยความร่วมมือกันของแต่ละกระบวนการกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาด เพื่อเนี่ยนะครับ ทําให้กระบวนการยุติธรรมถัดจากนี้ไปถูกต้อง ไม่เป็นข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่ตำรวจ จะต้องเลยนะครับอยู่อย่างมีเกียรติ ไม่ใช่อยู่อย่างแบบนี้ ไม่ต้องบอกว่าแบบไหน

ตำรวจเป็นอาชีพเดียวที่ต้องวิ่งตลอดชีวิต เหนื่อย เพราะนี่นะครับ ระบบมันผิดพลาด อัยการเนี่ยนะครับ ยกระดับตัวเองพลิกฟื้นมาแล้ว เผลอๆ ล้ําหน้ากว่าศาล ศาลเนี่ยนะครับก็แยกเบ็ดเสร็จตัวเองนะครับ ออกจากระบบการเมืองเด็ดขาด จากสมัยก่อนให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมดูแลเรื่องงานธุรการศาล บัดนี้ก็มีสํานักงานศาลยุติธรรม

เพราะฉะนั้นทั้งตํารวจ จะต้องเนี่ยนะครับ มีการล้างขนานใหญ่ เพราะนี่ครับ ถ้าตํารวจเนี่ยนะครับ มันอยู่ได้ด้วยการมีเกียรติที่ถูกต้อง ไม่ใช่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แบบที่นายกฯ เค้าพูด ไม่เอาแบบนั้น

ทุกกระบวนการนั้น ถ้าได้มีการจัดระบบอย่างถูกต้อง และนี่แหละครับ แต่ละกระบวนการมีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา บ้านเมืองเราจะยกระดับขึ้นมากันอีก

……

วันนี้เราได้เวลาแล้วพี่น้องที่รัก มันควรจะเป็นเวลาของประชาชน สิ่งเหล่านี้ที่ผมพูดกันมาทั้งหมดนั้น เราเห็นอย่างหนึ่งว่า บ้านเมืองมันไม่ถูกต้อง มันผิดทํานองคลองธรรม มันไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

พี่น้องเนี่ยครับ อย่าว่าแต่ห้องประชุมนี้ ฟังอยู่ที่บ้าน ประเทศนี้เป็นของเราทุกคน เราในฐานะเป็นคนหนึ่งในประเทศนี้ เราต้องมีสิทธิกําหนดอนาคตของเรา ไม่ใช่ให้ทักษิณคิดคนเดียว ประชาชนทั้งแผ่นดินนี้ก็คิดกับแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน

ถ้าเราปล่อยโดยเราไม่ทําอะไร คอยแต่ดูข่าว รอดูรายงานการบริหารแบบไม่บริหาร และคอยสูบ บ้านเมืองจะไม่เหลือ วันนี้นะครับพี่น้องที่เราทั้งหลาย ถ้าพี่น้องคนไทยไม่ลุกขึ้นมา เพื่อร่วมในการจัดการแก้ปัญหา และปัญหาเนี่ยนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าบัดนี้เนี่ยมันเต็มทุกอณูอยู่แล้ว ใครมีปัญหาอะไร ผมถามพี่สนธิแล้วให้มาหาที่มูลนิธิยามผ้าแผ่นดิน เป็นหน้าที่อาจารย์ปานเทพครับ

เพราะนี่นะครับ ปัญหาต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นนั้นเนี่ย หลายเรื่องรัฐเพียงแค่รับเรื่องเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น ไอ้พวกนี้เนี่ยนะครับก็ซื้อเวลาไปรอเวลาของตัวเองหมดไป แต่ปัญหามันไม่ได้แก้ และไม่ได้แก้ไขอย่างยั่งยืน

และผมเองก็มีความเชื่อว่า ถ้าเราไม่กล้าคิดเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ และก็ปล่อยให้ประเทศบริหารแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมไปรังเกียจอะไรนายกฯ อะนะครับ แต่ว่าท่านพอได้เถอะ ท่านจะได้มีเวลาแต่งตัวตามใจชอบ ไม่มีใครว่าอะไร ผมคงไม่เรียกร้องว่าท่านจะได้นําพาประเทศให้มีความผาสุก เพราะผมไปเรียกร้องให้ท่านได้สร้างชาติสร้างแผ่นดิน สร้างประเทศ ก็แสดงว่าผมไม่รู้จักอะไรเลย ไปขอในสิ่งที่ท่านไม่เคยมีได้อย่างไร

เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับ ประเทศเราก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่ประเทศวิกฤตเราก็ได้ผู้นําประมาณนี้ ทั้งที่ต้องเป็นผู้นําที่ต้องเก่งกาจ มีความรอบรู้ ไม่ต้องคอยอ่านแล้วคอยมีพรายกระซิบหูซ้ายหูขวา อ่านยังผิดอ่ะเอาอะไรอีกอะ แล้วไม่รู้อะไร

แต่ว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดพี่น้องที่เราทั้งหลาย นี่ก็เป็นบทเรียน ผมเรียนกับพี่น้องเนี่ยนะครับสุดท้ายว่า เวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว

ผม พี่นกเขา แล้วพวกเราทุกคน มีโอกาสแลกเปลี่ยนคุณสนธิตามที่ได้เรียนกับพี่น้อง เรื่องชาติบ้านเมือง ทุกเรื่อง เราพร้อมจะร่วมมือ เอาประเทศชาติให้รอด เอาประชาชนให้รอด สร้างความแข็งแรงให้กับทุกสถาบัน และร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกัน ไว้พบกันใหม่ครับ ขอบพระคุณมากครับ พี่น้องที่รักทั้งหลาย.
กำลังโหลดความคิดเห็น