อดีต สว. "สมชาย แสวงการ" ตั้ง 10 ข้อสังเกต "แพทองธาร" ไปอังกฤษ 21-25 พ.ค. แชะภาพคู่ "ยิ่งลักษณ์"ในไอจีสตอรี่ พบพิรุธผลาญภาษี ไม่มีสื่อตาม มีแต่กองงานโฆษกเขียนข่าวแจก แถมบอกว่าบุกเบิกตลาดอียู ทั้งออกจากสหภาพยุโรปไปนานแล้ว ภารกิจแต่ละอย่างไม่ใช่หน้าที่ จับพิรุธประชุมที่สถานทูตลอนดอนไม่นานขอแยกไปภารกิจส่วนตัว ระบุ ป.ป.ช. เคยชี้มูลแล้วว่าผิด
วันนี้ (23 พ.ค.) จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ไอจีสตอรี่ส่วนตัว หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายจากการปล่อยปละละเลยการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) โดยโพสต์ภาพถ่ายคู่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกอบเพลงฤดูที่แตกต่าง ที่มีเนื้อหาสื่อถึงการอดทนรอคอยเวลา รวมถึงภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โพสต์ตัดพ้อถึงการได้ได้รับความยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นต้น
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าวันนี้ผมยังเป็นนักข่าวหรือเป็นบรรณาธิการข่าว ผมจะเลือกทำข่าวเจาะมากกว่ารับข่าวแจก ที่กองงานโฆษกทำเนียบรัฐบาลส่งมาให้ลงข่าวพีอาร์แบบไม่ตรวจสอบความจริง เพราะนักข่าวที่ดีมีจรรยาบรรณควรตั้งคำถามและทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือ เป็น Investigative journalism แทนประชาชน ดังนี้
1. การเดินทางไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยทุกกรณี ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินทุกบาท ต้องเดินทางไปทำภารกิจให้กับรัฐบาล ประเทศชาติเท่านั้น ไม่ใช่การเดินทางไปเพื่อภารกิจส่วนตัวใดๆ
2. การเบิกงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรายชื่อคณะทีมงานที่ร่วมเดินทาง ต้องถูกตรวจสอบได้
3. ภารกิจเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง จำเป็นต้องมีโฆษก หรือเจ้าหน้าที่กองงานโฆษก หรือ มีนักข่าวโทรทัศน์หรือวิทยุ กรมประชาสัมพันธ์ หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ร่วมทีม เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวให้ประชาชนทราบทุกการพบปะผู้นำต่างประเทศ หรือการเจรจาตกลงทางการค้าหรือการเจรจาทวิภาคี หาใช่การพิมพ์ข่าวแจกตามที่กองงานโฆษกนั่งเขียน และส่งข่าวให้กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ ฯลฯ เพื่อลอกกันลงข่าวโดยสื่อที่ลงข่าวพีอาร์ไม่รู้เห็นข้อเท็จจริง
4. อังกฤษออกจากสหภายุโรป หรือ EU ด้วยการลงมติ Brexit ตั้งแต่ 23 มิ.ย. 2016 การเขียนข่าวนั่งเทียนว่าภารกิจบุกเบิกตลาดอียูที่อังกฤษ จึงเป็นการเขียนข่าวที่ไร้เดียงสาและปราศจากความรู้อย่างยิ่ง
5. การเดินทางไปเยี่ยมชมร้านขายของชำ Wing Yip Super สาขา Cricklewood ไม่ใช่ภารกิจหลักของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เป็นภารกิจของ รมต.พาณิชย์ หรือทูตพาณิชย์ฯ ประจำกรุงลอนดอนอยู่แล้ว และไม่สามารถสร้างอุปสงค์ใดๆ ต่อสินค้าส่งออก เพราะคนไทยหรือคนเอเชียในอังกฤษรู้จักที่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไปจากไทย จีน เวียดนาม อินเดีย ฯลฯ ที่มีวางจำหน่ายในร้านขายของชำเอเชียทั่วไป ที่มีมากมายตามเมืองใหญ่ในอังกฤษ และผู้บริโภครู้จักสินค้าในร้าน Wing Yip อยู่แล้วเดิมแล้ว 4 สาขา คือที่สาขาเบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ ครอยดอน และคริกเกิลวูด การเลือกซื้อสินค้าเป็นปัจจัยความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและเอเชียที่อังกฤษเอง มิใช่แค่ข่าวพีอาร์การเดินไปดูของชำในซูเปอร์มาร์เก็ตของตำแหน่งนายก ฯลฯ
6. การไปเยี่ยมค่ายมวย 1 แห่ง ในลอนดอน ไม่ใช่ภารกิจหลักของนายกฯ เป็นแค่ภารกิจระดับสมาคมมวยไทยหรือ รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา ที่สำคัญคือ Fight City Gym - Moorgate ที่เดินทางไปเยี่ยมชมนั้น ไม่ใช่ค่ายมวยไทยตามที่เสนอข่าว แต่เป็นยิมทั่วไปที่ใช้เพื่อออกกำลังกายและเปิดสอนศิลปะการต่อสู้หลากหลาย เช่น คาราเต้ ยิวยิตสู มวยปล้ำ มวยสากล มวยไทยเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ยิมสอนเท่านั้น
7. การประชุมที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในลอนดอน และการแจกประกาศให้กับร้านอาหารไทยอังกฤษ เป็นภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของนายกรัฐมนตรี เพราะ รมต.พาณิชย์เคยทำมาแล้ว หากสื่อมวลชนตรวจสอบข่าวจะพบว่า เคยเป็นกิจกรรม Thai Select ของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ที่นายพิชัย นริทพันธุ์ เคยไปเป็นประธานแจกใบประกาศที่ โรงภาพยนตร์ ในห้าง Selfridges กรุงลอนดอน เมื่อ 20 ก.ย. 2567
8. ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ไม่มีการพบปะนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีใดๆ ของอังกฤษ ไม่มีการลงนามทางการค้าใดๆ กับภาครัฐและภาคธุรกิจ ของประเทศอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) การประชุมทั้ง 3 กลุ่ม และแจกใบประกาศต่างๆ คาดหมายว่า เกิดขึ้นที่ห้องประชุมในสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอนเท่านั้น และอาจใช้เวลาอาจไม่นานมากนัก
9. การห้ามไม่ให้สื่อมวลชนรัฐและเอกชน โฆษก หรือกองงานโฆษกติดตามไปทำข่าว เป็นเรื่องน่าสนใจไม่แพ้กันกับภารกิจที่กองงานโฆษกแจกให้สื่อโดยที่โฆษกและเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกไม่ได้ร่วมคณะไปด้วยนั้น เข้าข่ายสงสัยว่าข่าวที่แจกนั้นอาจไม่ใช่ภารกิจนายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของประเทศ แต่สื่อมวลชน ที่ไม่มีสำนักข่าวใดไปทำข่าวที่อังกฤษเลยกลับโหมกระพือพีอาร์ว่าเป็นผลงานมากมาย จึงมีความน่าสงสัยในมาตรฐานสื่อมวลชนมาก
10. เสร็จการประชุมที่สถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอน จัดขึ้นรวบ 3 คณะในที่เดียวกันแล้ว นายกฯ ขอแยกไปภารกิจส่วนตัว โดยมีข่าวว่าไม่ให้ข้าราชการติดตามหรือทราบภารกิจนั้นเป็นเรื่องใด เป็นภารกิจลับส่วนตัวหรือภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรี
"คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการ นักการเมือง ระดับชาติ และท้องถิ่น ในการใช้งบประมาณเดินทางราชการไปทำภารกิจส่วนตัวทั้งในและต่างประเทศมาแล้วจำนวนมาก สื่อมวลชนควรทำหน้าที่ Wachtdog เป็น Investigative Journalism แทนประชาชน เพราะสังคมสงสัยและมีคำถามว่า ใช่ภารกิจนายกรัฐมนตรีและคุ้มค่าต่องบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์หรือไม่ อย่าให้สังคมไปเคลือบแคลงว่าเป็นภารกิจจัดฉากหรือไม่ เพราะความจริงที่สื่อตรวจสอบอาจพบว่า งานนี้อาจไม่เนียน" นายสมชาย กล่าว
อนึ่ง น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และราชรัฐโมนาโก ระหว่างวันที่ 21 ถึง 25 พ.ค. 2568