เครื่องบินล้ำสมัยที่สุดของกองทัพสหราชอาณาจักร จะไม่สามารถยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเข้าใส่เป้าหมายต่างๆที่อยู่บนภาคพื้น อย่างน้อยๆก็จนถึงปี 2030 จากการยอมรับของกระทรวงกลาโหมของประเทศเมื่อช่วงกลางสัปาห์ สืบเนื่องปัญหาการจัดซื้อขีปนาวุธสำหรับติดตั้งบนเครื่องบินล่องหนรุ่นนี้
หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่าเดิมทีฝูงบินล่องหน F-35B มีกำหนดได้รับการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกล "Spear 3" ศักยภาพกำจัดรถถัง ระบบป้องกันภัยทางอากาศและบังเกอร์ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แต่ต่อมาได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2028
อย่างไรก็ตามล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรต้องเจอกับความผิดหวังครั้งใหม่ เมื่อ มาเรีย อีเกิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้านการจัดซื้อจัดหา เปิดเผยว่าเวลานี้การประจำการขีปนาวุธดังกล่าว อาจต้องรอไปจนถึงช่วงต้นทศวรรษ 2030
ความล่าช้าดังกล่าวทำให้บรรดานักบิน F-35B ของสหราชอาณาจักร จำเป็นต้องพึ่งการทิ้งบอมบ์โจมตีเป้าหมายที่อยู่ภาคพื้น ในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับภารกิจสุดแสนอันตราย ที่ดำเนินการโดยเหล่าลูกเรือเครื่องบินทิ้งระเบิดแลนคาสเตอร์ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
เครื่องบินรุ่นนี้ที่ถูกส่งเข้าประจำการทั้งในกองทัพเรือและกองทัพอากาศแห่งสหราชอาณาจักร ปัจจุบันติดตั้งเพียงระเบิดนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง Paveway IV เช่นเดียวกับจรวดพิสัยกลางและพิสัยใกล้ๆยิงจากอากาศสู่อากาศ
เมื่อเปรียบเทียบกัน ถ้าติดตั้งฝูงบิน F-35 ติดตั้งขีปนาวุธ Spear 3 ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร จะเปิดทางให้นักบินทำการโจมตีจากอากาศสู่ภาคพื้นเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 60 ไมล์(ราว 96 กิโลเมตร)
พวกนักวิจารณ์เตือนว่าปัญหาล่าช้านี้เสี่ยงกัดเซาะแสนยานุภาพของสหราชอาณาจักร ในช่วงเวลาที่บรรดาผู้นำกองทัพและหน่วยข่าวกรอง MI6 เรียกร้องให้กองทัพเตรียมความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่อาจต้องทำสงครามกับรัสเซียในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ฟรานซิส ทูซา นักวิเคราะห์อิสระด้านการป้องกันตนเอง มองว่า "มันเป็นหายนะครั้งใหญ่ของกองทัพสหราชอาณาจักร เนื่องจาก Spear 3 มีเจตนาเป็นขีปนาวุธตัวเปลี่ยนเกม ที่จะมอบแสนยานุภาพหนึ่งๆแก่พวกนักบินสหราชอาณาจักร ที่ฝ่ายรัสเซียต้องหวาดกลัวอย่างแท้จริง"
"แต่ ณ เวลานี้ ถ้าพวกเขาต้องการกำจัดเป้าหมายต่างๆที่อยู่บนภาคพื้นด้วย F-35B ของเรา พวกเขาจำเป็นต้องบินเหนือเป้าหมายและหย่อนระเบิดแรงโน้มถ้วง แบบเดียวกับที่พวกนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิดแลนคาสเตอร์ทำ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2" ทูซากล่าว
ปัญหานี้เป็นตัวแทนความน่าผิดหวังล่าสุดในความมุ่งมั่นของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ที่พยายามมานานหลายปี ในการติดอาวุธฝูงบิน F-35B ที่ผลิตโดยอเมริกา ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล การเปลี่นแปลงที่ท้ายที่สุดแล้วจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากวอชิงตันเสียก่อน
ในถ้อยแถลงที่เขียนถึงสมาชิกรัฐสภา ทาง อีเกิล ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆเกี่ยวกับความล่าช้าของ Spear 3 โดยเธอเพียงแต่บอกว่าเวลานี้โครงการดังกล่าวจัดวางพื้นฐานใหม่ อย่างไรก็ตามเป็นที่เข้าใจว่าประเด็นปัญหาน่าจะเกี่ยวข้องกับการอัพเดทซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ F-35 โดย ล็อคฮีด มาร์ติน บริษัทผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ ที่ล่าช้ามานาน
นอกจาก Spear 3 แล้ว ทางสหราชอาณาจักรยังต้องการเพิ่มเติมขีปนาวุธพิสัยไกล Meteor เข้าไปในคลังแสงอาวุธของเครื่องบินรุ่นนี้ด้วย แต่คาดหมายว่าคงไม่ได้เห็นแสนยานุภาพดังกล่าว จนกว่าจะสิ้นสุดทศวรรษนี้
F-35B เข้าประจำการในกองทัพเรือและกองทัพอากาศมาตั้งแต่ปี 2018 และเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มป้องกันตนเองที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของสหราชอาณาจักร โดยเครื่องบินแต่ละลำมีราคา 90 ล้านปอนด์(ราว 3,900 ล้านบาท)
มันถูกออกแบบมาเพื่อเจาะทะลวงดินแดนของศัตรูและทำการโจมตีทำลายล้าง โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยปกปิดตนเองจากการตรวจจับของเรดาร์และระบบป้องกันภัยทางอากาศ
ด้วยที่มีศักยภาพเทคออฟในระยะสั้นๆและขึ้นลงในแนวดิ่ง ทางกองทัพสหราชอาณาจักรมีความตั้งใจปฏิบัติการฝูงบินนี้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือ และเวลานี้หลายลำประจำการอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องยิน เอชเอ็มเอส ปรินซ์ ออฟ เวลส์ ที่เวลานี้อยู่ระหว่างเดินทางทัวร์อินโด-แปซิฟิก
อย่างไรก็ตามหากปราศจากขีปนาวุธพิสัยไกลยิงจากอากาศสู่ภาคพื้น ประสิทธิภาพของเครื่องบินนี้จะเป็นไปอย่างจำกัดและอ่อนแอลงอย่างมาก
(ที่มา:เทเลกราฟ)