xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคลิปเสียง "ทิดแย้ม" ถูกสีกาขอเงิน 4 แสน มัดคดียักยอกเงินวัดไร่ขิง เงินหมุน 2 พันล้านเชื่อมเว็บพนัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ตำรวจสอบสวนกลางเปิดคลิปเสียง "เจ้าคุณแย้ม" ถูก "อรัญญาวรรณ" ขอเงิน 4 แสนเอาไปใช้หนี้งวดที่ 2 เจ้าตัวระบุไม่มีเงินติดตัว ต้องยืมเงินเจ้าคณะภาค พบเส้นทางการเงินสีกาคนสนิท เชื่อมโยงเว็บพนัน เงินหมุนเวียนกว่า 2 พันล้านบาท

วันนี้ (22 พ.ค.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำคณะทำงานแถลงข่าวความคืบหน้าการจับกุมนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (เจ้าคุณแย้ม) อายุ 69 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท โดยพบว่าในปี 2567 พบรายได้สูงถึง 176 ล้านบาท ส่วนบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี สาวคนสนิท มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยเส้นทางการเงินพบว่า 1. นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส โอนไปยังบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ โดยตรง 63,796,024 บาท 2. นายแย้มโอนไปยังบัญชีนายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ พระคนสนิท 113,459,000 บาท แล้วนายเอกพจน์โอนไปยังบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ 213,948,000 บาท และ 3. นายแย้มโอนไปยังบัญชีของนายฉัตรชัย สีเสี้ยง 63,146,010 บาท แล้วนายฉัตรชัยโอนไปยังบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ 28,736,334 บาท จากนั้น น.ส.อรัญญาวรรณ โอนไปยังเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY รวม 540,873,350 บาท ซึ่งเครือข่ายเว็บพนันโอนเงินมายัง น.ส.อรัญญาวรรณ 204,655,828 บาท ซึ่งตรวจสอบพบว่าบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2,000 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากวัดไร่ขิงในปี 2567 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 ถึง ก.ย. 2567 ประกอบด้วย รายได้ที่นำส่งห้องการเงิน 107 ล้านบาท และรายได้ที่ไม่ได้นำส่งห้องการเงิน 69 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. วัตถุมงคลรุ่นพิเศษ 4 ล้านบาท 2. เงินประมูลร้านค้างานประจำปี 2 งาน 48 ล้านบาท 3. เงินกฐิน 4 ล้านบาท 4. ค่าเช่าร้านค้ารายเดือน 1 ล้านบาท 5. ร้านสวัสดิการ 12 ล้านบาท โดยเฉลี่ยรายได้ต่อวัน 4 แสนบาท รายได้ต่อเดือน 14.7 ล้านบาท รวมทั้งปีมีรายได้ทั้งสิ้น 176 ล้านบาท

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การสืบสวนที่ผ่านมายังไม่ลงลึกรายละเอียดเท่าที่ควร จึงต้องสืบสวนเพิ่มเติมให้ชัดเจนมากขึ้น ที่ผ่านมาทุกหน่วยลงพื้นที่เก็บรายละเอียดเพิ่มเติม มุ่งเน้นไปที่การหยุดยั้งการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดและประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีผลต่อความศรัทธา จึงทำคดีเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาจะนำกรณีนี้ไปดำเนินการแก้ไข

"การทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบความผิดปกติ พบหนังสือร้องเรียนและบัตรสนเท่ห์ เราไม่เคยทิ้งเอามาทำหมด แม้แต่วัดไร่ขิงเป็นแค่หนังสือร้องเรียนที่ไม่ระบุ แต่พบว่าสิ่งเหล่านี้น่าสงสัย น่าติดตามและน่าตรวจสอบเพราะเป็นวัด การสืบสวนมีทั้งการส่งคนเข้าไปสอดแนมเก็บข้อมูลรวบรวมหลักฐาน และการสืบสวนทางเทคโนโลยี เราไม่ทิ้งทุกเรื่อง ทุกประเด็น จนได้ข้อมูลมา" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีมาจากหนังสือร้องเรียนมาถึงผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มีพฤติกรรมเอาเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและหยิบยืมเงินของฆราวาสและวัดข้างเคียง ตั้งแต่หลักหมื่นบาท ถึงหลักสิบล้านบาทแล้วไม่ยอมคืน ประกอบกับมีข้อมูลว่าเจ้าอาวาสน่าจะนำเงินไปใช้ในทางไม่สุจริตหรือบังคับขู่เข็ญกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จึงได้ทำการสืบสวนในทางลับ แบ่งเป็นชุดวิเคราะห์ข้อมูล จากเส้นทางการเงินทั้งหมด และชุดหน้างานนำโดย ร.ต.อ.นิติธร ประชันกาญจนา รอง สว.กก.5 บก.ป. ทำหน้าที่ค้นหาว่าบุคคลใดทำหน้าที่อะไรในวัด พฤติกรรมเจ้าอาวาสเป็นอย่างไร และสะกดรอยตามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าอาวาส กับ น.ส.อรัญญาวรรณ จากการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เชื่อว่าเจ้าอาวาสยักยอกเงินวัด นำไปใช้ส่วนตัว ใช้ในกิจการที่ไม่เหมาะสม เอาไปให้ น.ส.อรัญญาวรรณ แล้วถูกออกไปเล่นการพนัน

สำหรับบัญชีธนาคารพบว่ามีบัญชีของวัดไร่ขิงมี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของนายแย้ม 21 บัญชี และบัญชีของ น.ส.อรัญญาวรรณ มี 12 บัญชี มุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ พบว่าตั้งแต่ปี 2559 มีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีช่องทางธุรกรรม 4 ช่องทาง ได้แก่ ฝากเงินสดเข้าบัญชี รับเงินโอนจากนายแย้ม รับเงินโอนจากนายเอกพจน์ และรับเงินโอนจากนายฉัตรชัย พบความผิดปกติที่ยืนยันว่าไม่สอดคล้องคำให้การของผู้ต้องหา

สำหรับมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง จากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่ามี 3 แห่ง ได้แก่ 1. มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีเงินในบัญชีมากที่สุด 2. มูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปญโญ) มีอยู่ 19 ล้านบาท 3. มูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีอยู่ 66 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้ยืมเงินมูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง 35 ล้านบาท ในปี 2563 คืนเงินแล้ว 5 ล้านบาทในปี 2567 เหลือหนี้สิน 35 ล้านบาท ส่วนยืมไปทำอะไรนั้นไม่มีรายละเอียด แต่เป็นการยืมเงินทั้งก้อน ส่วนมูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ฯ ยืมเงินไป 9 ล้านบาท คืนเงินปีละ 1.9 ล้านบาท รวมหนี้สินทั้งหมด 38 ล้านบาท ส่วนบัญชีหรือรายการอื่นๆ ไม่มีหลักฐานตรวจสอบ

นอกจากนี้ ในการแถลงข่าวยังเปิดคลิปเสียงระหว่างนายแย้มขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ น.ส.อรัญญาวรรณ โดย น.ส.อรัญญาวรรณกล่าวว่าเขามาทวงเงิน นายแย้มกล่าวว่าจะให้ทำยังไง ยอมรับว่าได้ยืมเงินเจ้าคณะภาคในงานศพ มันไม่ไหวแล้ว เงินติดตัวไม่มี มีรายได้แค่ 3,000 บาท ส่วนที่ น.ส.อรัญญาวรรณขอเงิน 3-4 แสนบาท เจ้าอาวาสไม่รู้จะเอาที่ไหนแล้ว แม้ น.ส.อรัญญาวรรณ จะขอให้ช่วยหาเงินมางวดหน้า แต่เจ้าอาวาสกล่าวว่า ไม่มี ถ้าจำนวน 1-2 แสนบาทยังพอได้ มาขอที่หลวงพ่อคนเดียวก็ไม่ไหว ตนไม่ใช่เศรษฐี ระบบเป็นไงก็ไม่เข้าใจ ยืมเงินวัดก็ไม่ได้อีก ก่อนถามว่าเหลือกี่งวด น.ส.อรัญญาวรรณ กล่าวว่า เป็นงวดที่ 2 ของเดือน ธ.ค. เหลืออีก 4 งวด รวม 2 ล้านบาท ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวเป็นยืนยันถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และรู้ว่าเอาเงินไปทำอะไร เป็นเจตนาพิเศษในการทุจริตเบียดบังเงินของวัดไร่ขิง




กำลังโหลดความคิดเห็น