ขวาง ส.ว.สายฮั้วล่ม รวมรายชื่อได้ไม่พอ จำเป็นต้องเปลี่ยนแผน
ความพยายามของกลุ่มส.ว.พันธุ์ใหม่ นำโดยนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในการพยายามยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ส.ว.ที่มี่ส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือกส.ว.ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ปรากฎว่ามีแววจะต้องล่มลงกลางคัน หลังจากออกมายอมรับว่าอาจรวมเสียงได้ไม่ได้พอที่จะยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
นางสาวนันทนา ระบุว่า ยอมรับว่า ไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่นเพราะหากรวบรวมรายชื่อได้ 20 คนแล้ว จะต้องยื่นต่อประธานวุฒิสภาซึ่งเป็นหนึ่งใน 55 คนที่ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วยซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปยื่นกับใคร เพราะในธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องไปยื่นกับประธานวุฒิสภา ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ต้องลุ้นกันตลอดทาง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมได้รับรู้อย่างกว้างขวาง และรู้ว่ากระบวนการได้มาซึ่ง สว.ส่วนใหญ่มิชอบ
ทั้งนี้ ในภาคส่วนอื่นๆ ก็ยังมีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ร้องกับ กตต.ไปแล้ว มีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ภายในวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.นี้ และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ก็จะยื่นญัตติชะลอการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยการทำเป็นหนังสือ ซึ่งต้องรอการบรรจุระเบียบวาระ แม้ทุกมติของเรา จะไม่เคยผ่านเลย แต่ก็เป็นช่องทางที่เราจะต้องทำ ตลอดจนภาคประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามต่อไป ว่ากระบวนการไหนจะสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายได้ก่อน
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า วิธีการรับมือสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือการเพิกเฉย เพราะไม่มีใครในพรรคภูมิใจไทยทำผิดกฎหมายอย่างที่เป็นข่าว พวกเราเป็น สส. ไม่ใช่ สว. เมื่อเราเป็น สส.ต้องทำหน้าที่ดูแลราษฎร แค่ตรงนี้ก็ไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องอื่นแล้ว
"เราต้องไม่โต้ตอบ เพราะหากโต้ตอบก็ไม่จบเสียที หากว่าใครสงสัยหรือไม่พอใจ หรือคิดว่าเราทำผิดกฎหมาย ช่องทางที่ดีที่สุดคือกระบวนการยุติธรรม สามารถไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง ซึ่งเราสามารถไปแก้ต่างหรือไปต่อสู้ หากพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่จริง เราก็ต้องใช้สิทธิของเราในการแสวงหาความยุติธรรม" นายอนุทินระบุ