xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 1 ยกฟ้อง "รุ่งโรจน์" อดีตรักษาการ ผอ.อคส.กับพวก 21 คน จัดซื้อถุงมือยาง 2 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 1 ยกฟ้องคดี"พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์"อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. กับพวก 21 คน จัดซื้อถุงมือยาง มูลค่ากว่า 2 พันล้าน ขณะที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลมีความเห็นแย้ง

วันนี้ (20 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 อ่านคำพิพากษาคดี
หมายเลขดำ อท 77/2567 ที่อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้องพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คนร่วมกันวางแผนจัดซื้อถุงมือยางโดยมิชอบ ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท โดยลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท จำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า จำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่ง
หัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิตอล จำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18 เป็นนิติบุคคล ผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า จำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดได้ร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ อีกทั้งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ยังเป็นพนักงานของรัฐ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ในการซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ขององค์การคลังสินค้า ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า จากนั้นได้เร่งรีบเสนอโครงการจัดซื้อถุงมือยางโดยที่ไม่ได้อยู่ในแผนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่เผยแพร่ในเว็บไซต์ขององค์การคลังสินค้า ไม่ติดประกาศในที่เปิดเผย ไม่มีราคาอ้างอิง โดยใช้ข้ออ้างว่ามีลูกค้ารองรับ ซื้อต่อล่วงหน้าแล้ว เพื่อมุ่งหมายและมีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวย ให้บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จำเลยที่ 2

โดยจำเลยที่ 3 เข้าทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น อันเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อเป็นข้ออ้างในการถอนเงินขององค์การคลังสินค้าที่ได้ฝากประจำไว้ยังสถาบันการเงินไปจ่ายเป็นเงินล่วงหน้า ประกอบกับไม่ดำเนินการส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดให้ความเห็นชอบ อีกทั้งยังได้อนุมัติให้ทำสัญญาและอนุมัติให้จ่ายเงินโดยไม่มีอำนาจ อันเป็นการดำเนินการเพื่อให้ได้เงินจากองค์การคลังสินค้าไป เพื่อประโยชน์แก่บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จำเลยที่ 2 โดยมิชอบ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า และราชการอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้
องค์การคลังสินค้าได้รับความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 2,000,000.00 บาท และดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ถอน เงินฝากจากบัญชีองค์การคลังสินค้าก่อนกำหนดเพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินล่วงหน้า จำนวน 3,770,491.80 บาท รวมเป็นเงินที่ได้รับความเสียหาย 2003,770,491.80 บาท การกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดถือเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 11 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษายกฟ้อง

อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร
มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้มีความเห็นแย้งระบุเหตุผลว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น