xs
xsm
sm
md
lg

ศึกสองด้านภูมิใจไทย กุสุมาลวตี-ณฐพร ฟ้องยุบพรรคปมฮั้ว สว.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อดีตผู้สมัคร สว. กุสุมาลวตี ร้อง กกต. ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย มีหลักฐานอั้งยี่ซ่องโจรมัด "อนุทิน-ไชยชนก-สุขสำรวย" รู้เห็นบงการฮั้วเลือก สว. ด้านณฐพร ส่งทีมทนายร้อง กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง 138 สว. สิ้นสมาชิกภาพ-หยุดปฎิบัติหน้าที่ พร้อมเตรียมยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยพรุ่งนี้ (21 พ.ค.)

วันนี้ (20 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า มีหลักฐานการกระทำความผิดทั้งอั้งยี่ ซ่องโจร และพฤติกรรมทั่วไปของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก มีการจัดตั้งคนในจังหวัดบุรีรัมย์และพบเส้นทางการเงิน มีหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จับได้หมดว่าใครโอนเงินไปให้ใครบ้าง โดยจะนำหลักฐานนี้มายื่นให้ภายหลัง เพราะกลัวและเชื่อว่าในทุกองค์กรจะมีฝ่ายเขาฝ่ายเรา แต่ถ้า กกต. เรียกตนมาชี้แจงเมื่อไหร่ก็จะนำหลักฐานเหล่านั้นมามอบให้

นอกจากนี้ ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีหลักฐานว่าเมื่อกระบวนการเลือก สว. เสร็จสิ้นแล้ว นายอนุทิน ได้เรียก สว. ให้ไปพบที่โรงแรมพูลแมน ให้เขียนใบลาออกเป็นหลักการว่าคนพวกนี้จะต้องอยู่ภายใต้การสั่งการของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงนี้มีทั้งภาพขณะ สว. เขียนใบลาออก และคลิปเสียงประกอบ และนางสุขสำรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนตนก็คงไม่กล้ามาเปิดหน้า แต่ก็จะมีการขอคุ้มครองพยานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยบอกว่าจะฟ้องก็เชิญเลย

นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า ไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นกับบุคคลที่มาร้อง แต่เพราะเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอุกอาจ ไม่เกรงกลัวฟ้าดินและกฎหมาย วันนี้เราจะเห็นว่ากระบวนการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ บางคนเป็นคนดี แต่ก็ต้องหลุดไปเพราะ สว. ฟังคำสั่งของบางสีบางคน แล้วอนาคตมีคนกระทำผิดแต่ได้รับการยกคำร้องเพราะพวกเขาเป็นคนเลือกกรรมการเหล่านี้ ประเทศจะอยู่อย่างไร อย่างคดีเขากระโดง หรือรุกที่เขาใหญ่ หรือการก่อสร้างรัฐสภา 20,000 ล้านบาทที่ไม่ได้มาตรฐาน จะเอาผิดใครได้หรือ จึงคิดว่าต้องช่วยกัน ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในเรื่องนี้ ต่อให้ สว. ชุดนี้ต้องเป็นโมฆะไป ตนก็พอแล้ว ไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นสว. อีก แต่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมให้คนกลุ่มนี้รู้ว่า มีคนไทยที่ออกมายืนต่อสู้เพื่อประชาชน

"วุฒิสภาเป็นสภาสูง แต่ถามว่าหัวหน้าพรรคบางพรรคการกระทำผิดไหม กับการที่สั่งให้นายอำเภอซึ่งเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับอำเภอรับสมัครผู้สมัคร ที่บางคนขายข้าวแกงก็มาเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ บางคนขับรถก็มาเป็นนักสื่อสารมวลชนได้ ซึ่งหลายคนคุณสมบัติไม่ตรง แต่ก็มีการรับสมัคร เพราะกระทรวงมหาดไทยสั่งให้นายอำเภอเซ็นรับรองคนเหล่านั้นมาก่อน ทำให้คนที่ดีไม่ได้เข้ามาเพราะถูกบีบออก กระบวนการแบบนี้มันท้าทายคนไทย และกระบวนการยุติธรรม และทำลายประชาธิปไตย ซึ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบางคนก็ร่วมกระทำความผิดด้วย มีเส้นทางการเงินที่เรามองเห็น และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็มีพฤติกรรมที่ส่อแสดงว่ารู้เห็น บงการ กระบวนการเลือกสว. เรามีหลักฐานมากมาย จึงเห็นว่าสมควรที่จะยุบพรรคนี้ มันสมควรที่การเลือกสว.จะเป็นโมฆะขนาดในอดีตจ้างพรรคเล็กลงสมัคร คูหาหันหน้าหันหลังยังเป็นโมฆะ แต่ครั้งนี้ความผิดมันมโหฬารยิ่งกว่า จึงคิดว่าต้องต่อสู้เรื่องนี้ เพราะถ้าองค์กรอิสระทั้ง 7 องค์กรอยู่ภายใต้การครอบงำของบางพรรค บางสีบางกลุ่ม มองไม่ออกว่าอนาคตประเทศเราจะเป็นไง" นางกุสุมาลวตี กล่าว

ด้านนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งทีมกฏหมายนำเอกสารคำร้องยื่น กกต. ขอให้พิจารณาส่งเรื่องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้ายให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของวุฒิสภา 138 คนสิ้นสุดลงและระหว่างพิจารณาให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สว. หยุดปฎิบัติหน้าที่ หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ กกต. สืบสวนร่วมกันจนพบพยานหลักฐานในขบวนการฮั้ว รวมทั้งจากการสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ รวมถึงมีการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมบุคคลในขบวนการจำนวน 12,000 คน และ ตรวจสอบผู้ใช้โทรศัพท์อีก 20,000 เลขหมาย แล้วพบความผิดปกติเรื่องการฮั้ว อีกทั้งจากการสอบพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นผู้ที่พบโพยลงคะแนน รวมถึงสถานที่ที่ใช้ในการนัดหมายพูดคุยเรื่องฮั้ว อีกทั้งยังมีหลักฐานจากเทคโนโลยีประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาตรวจสอบจนพบข้อมูลเชิงประจักษ์ และสรุปได้ว่า สว.จำนวน 138 คน มีพฤติการณ์กระทำอยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย

ในเอกสารคำร้องยังระบุว่า นับตั้งแต่ สว. เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ พบว่าไม่มีความเป็นกลาง เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคภูมิใจไทย และ กลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลภายในพรรคดังกล่าว อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. กลุ่มนี้ อาศัยเสียงข้างมากในสภาคัดเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา และประธานกรรมาธิการทุกคณะ ทิศทางการลงมติของ สว. ชุดนี้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกครั้ง ตัวอย่างเช่น การประชุมวุฒิสภาปลายเดือน พ.ย. 2567 ประชุมทั้งหมด 21 ครั้ง ลงมติ 48 ครั้ง ปรากฏว่า สว. นอกกลุ่มสีน้ำเงินแพ้ทุกการโหวตทุกประเด็น

สิ่งที่น่าเป็นกังวลอีกประเด็น คือ การเห็นชอบการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จากพฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สว. กลุ่มนี้ กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ก่อให้เกิดผลกระทบความเสียหายอย่างร้ายแรง เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องการได้อำนาจการปกครองโดยเบ็ดเสร็จ ถือเป็นการกระทำที่ส่อล้มล้างการปกครอง อีกทั้งการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ เสียความเป็นกลาง เนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจาก สว. ที่อยู่ภายใต้อาณัติของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นเพื่อยับยั้งความเสียหายอันร้ายแรง จึงขอให้กกต.ยื่นคำร้องและส่งสำนวนการสอบสวนของ สว. ทั้ง 138 คน ให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการวินิจฉัย

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.) เวลา 15.00 น. นายณฐพร จะมายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทย จากปมฮั้วเลือก สว. อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น