“ปราสาทตาเมือนธม”ปลุกกระแสรักชาติ-แห่แบนหนังพระร่วงฯ

คำสั่งถอนทหารปราสาทตาเมือนธมไม่เคลียร์ปลุกกระแสรักชาติแห่ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 เจ้าตัวยันไม่ขัดแย้ง พร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด ส่วนแนวรบโซเชียลปะทะเดือดชุดไทย-สไบเฉียง เวทีMiss World 2025 เคลมแบมแบมคนกัมพูชา ที่น่าห่วงกระแสแบนภาพยนตร์ “พระร่วง มหาศึกสุโขทัย”หนักขึ้นเรื่อย ๆ หลังดารากัมพูชาที่แสดงด้วย ร่วมวงเคลมชุดไทย

จากเหตุการณ์เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่มีนายทหารระดับนายพลพร้อมคณะจากกัมพูชาราว 25 คน ได้ขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธม ในพื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อยู่ในเขตรอยต่อชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา ก่อนจะร้องเพลงชาติกัมพูชา แต่ทหารไทยไม่ยอมจึงมีการโต้เถียงกัน

สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจากฝั่งไทยด้วยเช่นกัน กลุ่มคนไทยจำนวนหนึ่งเดินทางไปให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

จากนั้น 1 พฤษภาคม 2568 มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา GBC : General Border Committee นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงผลการประชุมกรณีการเผชิญหน้าระหว่างทหาร 2 ฝ่ายที่ปราสาทตาเมือนธมว่า

จะมีการลดการเผชิญหน้า ทั้งสองฝ่ายถอยกลับไปอยู่ในที่เดิม ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น ซึ่งในระดับนโยบาย คือรัฐบาลได้มีการพูดคุยกันแล้ว รวมถึงระดับของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของ 2 ประเทศ รวมถึงผู้บัญชาการทหารบกทั้ง 2 ประเทศ และให้ไปประสานงานกับแม่ทัพนายกองในพื้นที่ ให้กำชับกำลังพลของตัวเอง ให้ถอยห่าง และยึดมั่นในหลักการเดิม คือให้กลับไปอยู่ที่เดิมทั้งสองฝ่าย


ไม่ไว้ใจภูมิธรรม

สร้างแรงกระเพื่อมให้กับกลุ่มคนที่เกรงว่าประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับฝ่ายกัมพูชา นักวิชาการบางส่วนเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากตัวปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในพื้นที่ของฝั่งไทยอย่างชัดเจน มีทหารไทยประจำการบนปราสาทและฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีการท้วงสิทธิ์มากว่า 90 ปี

จนนายภูมิธรรมต้องออกมาชี้แจงผ่านเพจของพรรคเพื่อไทยอีกครั้งเมื่อ 4 พฤษภาคม 2568 กรณีมีข่าวว่ามีคำสั่งให้ทหารถอนกำลังจากปราสาทตาเมือนธมว่า เป็นการดำเนินการตาม MOU ปี 2543 (MOU 43) ซึ่งเป็นข้อตกลงเดิมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาเขตแดนที่ยังไม่มีข้อยุติ โดย ไม่มีการยกดินแดนให้กัมพูชา และไม่ได้ทำให้ไทยเสียดินแดน แต่อย่างใด

ส่วนเนื้อหาการหารือ ได้ตกลงกันให้กลับไปใช้ MOU 43 ซึ่ง MOU 43 มีการปักปัน และ ยังมีเขตแดนที่เป็นเขต No Man's land ที่ยังไม่มีข้อยุติ โดยทางกองทัพขอให้ใช้ MOU 43 เป็นภาพรวม

ทั้งนี้ ในที่ประชุม GBC ยังได้หารือให้ถอยทหารตาม MOU 43 และตามข้อตกลงในปี 2562 ที่เคยมีการสรุปกันแล้ว ทุกอย่างให้กลับไปสู่จุดนั้น ซึ่งจะมีการหารือรายละเอียดอีกครั้ง โดยผู้บัญชาการทหารบกรับไปดำเนินการ

“ซึ่งคำว่าถอยทหารไม่ได้บอกว่าให้ถอยออกจากจุดที่เราอยู่ทั้งหมด แต่ว่าที่มารุกรานทีหลังที่มีการขยับเข้ามาให้ถอยกลับไป บนปราสาทตาเมือนธมก็เป็นที่ที่เรายืนอยู่แล้ว ปกป้องดูแลอยู่แล้ว ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อนุญาตให้ขึ้นมา ก็ยังอนุญาตให้ได้เหมือนเดิม แต่ตกลงกันว่าจะไปคุยกันในรายละเอียดกันเมื่อไหร่ อย่างไร ให้คุยกัน มีแค่นี้ และตอนนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นไปตรึงในพื้นที่ที่เขาลุกล้ำทหารขึ้นมา ซึ่งก็เป็นปกติที่เราได้ตกลงกันไว้ เราก็ยึดอยู่ในแผ่นดินเรา และปราสาทตาเมือนธม ก็เป็นไปตามข้อตกลงทั้งหมด

พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เอาที่ดินไปขายให้ต่างชาติ และทหารไม่ยอมขึ้นมาปกป้อง มันไม่ใช่ ทหารรับคำสั่งตัวเองชัดเจนอยู่แล้ว เขาก็ดำเนินการตาม ผู้บัญชาการทหารบกก็เข้าใจแบบนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็เข้าใจ ” นายภูมิธรรม กล่าว


ปลุกให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2

ดูเหมือนคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับภาคประชาชนได้ เราจึงได้เห็นข้อความเชิญชวนให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 เกลื่อนบนโลกโซเชียล พร้อมข้อความว่า หลายฝ่ายเกรงว่าข้อตกลงของนายภูมิธรรม อาจส่งผลกระทบต่อการสูญเสียดินแดน ขณะเดียวกันบนโลกโซเชียลเริ่มมีกระแสให้กำลังใจ

มาร่วมกันส่งกำลังใจ ให้ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 และทหารหาญทุกนาย กรณีไม่ยอมถอนกำลังทหาร ตามคำสั่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เพื่อลดการเผชิญหน้า

ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 สั่งทหารตรึงกำลังที่ "ปราสาทตาเมือนธม" เราไม่ถอย ที่ต้องถอยคือทหารกัมพูชา
#ส่งกำลังใจให้ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 #ที่นี่แผ่นดินไทยไม่ใช่พื้นที่พิพาท #ปราสาทตาเมือนธม #ทหารของพระราชา

“ตาเมือนธม”สถานการณ์ปกติ

จากนั้น 14 พ.ค.2568 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยมีการพูดคุยกับทางทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC

ส่วนสถานการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน มีการตรึงกำลังทหารอยู่ตามปกติ เพียงแต่ว่าบางจุดที่เป็นพื้นที่ล่อแหลม ยังไม่ชัดเจนในการปักปันเขตแดน ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้ถอนกำลังออกมาก่อน กลับไปอยู่ที่ตั้งปกติเพื่อลดความตึงเครียด ซึ่งก็ได้ปฏิบัติตามอยู่แล้วเพื่อลดการปะทะและการไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน

ส่วนกรณีที่สื่อหลายสำนักวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความขัดแย้งกันนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง มีการพบปะพูดคุยกันอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดเจอกันที่จังหวัดนครพนม ไม่มีอะไรมาก ตนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งท่านก็แสดงความเป็นห่วงทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นเดียวกัน

“ชายแดนไทย-กัมพูชามีการตรึงกำลังตามปกติอยู่แล้ว ฝั่งทหารกัมพูชาก็มีที่ตั้ง ฝั่งไทยก็มีที่ตั้งเช่นเดียวกัน เพื่อดูแลความเรียบร้อยตามแนวชายแดนร่วมกัน มีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งสองฝ่าย ส่วนฝั่งกัมพูชาที่มีข่าวในโซเชียลมีเดียว่ามีการตรึงกำลัง ก็เป็นเรื่องปกติ เหตุการณ์ยังปกติ มีการมาตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันไม่มีอะไรที่รุนแรง ต่างฝ่ายต่างรักษาอธิปไตยของตนเอง เพื่อลดโอกาสที่จะปะทะกัน หรือไม่เข้าใจกัน โดยผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำให้ใช้หลักสันติวิธีเป็นหลัก ซึ่งทหารทุกนายปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด”

พลโท บุญสินฝากถึงพี่น้องชาวไทยที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ให้แสดงความคิดเห็นไปในทางที่ให้เกิดความรักความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดนด้วย เข้าใจอารมณ์รักชาติของคนไทย เพราะทุกคนก็มีความรักชาติเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าตนเองและทหารไทยทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด


ซัดกันหนักชุดไทย-Miss World

เรื่องปัญหาชายแดนเป็นเรื่องที่รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศต้องหาทางออกร่วมกัน แต่ปราสาทตาเมือนธมนั้น เชื่อว่าฝ่ายไทยคงจับตามาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในประเทศไทย มีทหารไทยขึ้นไปประจำการอยู่ ซึ่งไม่เคยมีการทักท้วงจากฝ่ายกัมพูชา ส่วนพื้นที่กัมพูชาอยู่ด้านล่างปราสาท

อย่างไรก็ตาม แนวรบบนโลกโซเชียลระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายกัมพูชานั้น มีการหยิบเอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้อถกเถียงกันบนสังคมออนไลน์ พร้อม ๆ กับเรื่องอื่นที่บลั๊ฟกันไปมาระหว่างชุมชนโซเชียลของทั้ง 2 ชาติ

แหล่งข่าวหน้าแนวปะทะกล่าวว่า ตอนนี้หนักที่สุดตอนนี้คือเรื่องชุดไทย เพราะมีการประกวด Miss World 2025 ที่ประเทศอินเดีย ชุดของโอปอลสุชาดา Miss World ประเทศไทย ถูกเพจฝ่ายเพื่อนบ้านอย่าง Team Cambodia Pageant ระบุว่า Copy แบบมาจากฝ่ายกัมพูชา ส่วน Miss World กัมพูชา มี Julai Russell เป็นตัวแทนเข้าประกวด

นอกจากนี้ยังมีเรื่องวง GOT7 ที่มาเพิ่งมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย แต่โฟกัสที่แบมแบมว่าเป็นคนกัมพูชา ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าแบมแบมเป็นคนไทย

ที่จริงก็ถกเถียงกันมานาน หลายเรื่องแต่ตอนนี้ เรื่องชุดไทยถือว่าสู้กันหนัก รวมทั้งถกเถียงกันเรื่องสไบ ฝ่ายกัมพูชาก็อ้างว่าเขาเป็นต้นกำเนิดก็รู้ ๆ กันว่าเขาอ้างเรื่องกำแพงปราสาทเป็นหลัก จริงไม่จริงไม่มีใครให้คำตอบได้ บางเรื่องก็ตลกเช่น Bam Bam อ้างว่าเป็นคนกัมพูชา

นอกจากนี้ฝั่งกัมพูชายังเผยแพร่ MV ปลุกใจปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ใช้ปลุกใจคนกัมพูชา ตรงนี้หน่วยงานในระดับรัฐบาลต้องช่วยกันติดตามว่าจะมีผลกระทบตามมาในอนาคตด้วยหรือไม่


กระแสแบนหนัง“พระร่วงฯ”แรง

ที่น่าจะเป็นปัญหามากที่สุดในเวลานี้คือ ภาพยนตร์ เรื่อง “พระร่วง มหาศึกสุโขทัย” ที่กำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 และฉายรอบปกติ ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ให้การสนับสนุนทุนผลิตภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยและวีรกรรมกษัตริย์ราชวงศ์ศรีนาวนำถุม ซึ่งเป็นตัวอย่างของความกล้าหาญและรู้รักสามัคคี จากการตีความบทพูดคำกลอนพระร่วง ผลงานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

โดยผนวกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และจิตนาการ ผลิตเป็นภาพยนตร์ที่มีความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่บทภาพยนตร์ที่ผ่านากรค้นคว้าทุ่มเทในการประพันธ์ การคัดเลือกนักแสดงที่มีความสามารถโดดเด่น การออกแบบเครื่องแต่งกายที่สมจริง ตลอดจนถึงดนตรีประกอบที่ถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ของตัวละคงได้อย่างลึกซึ้งและงดงาม

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้กระแสแบนภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวดังขึ้นทุกวัน หลังจากพบว่ามีนักแสดงรายหนึ่งเป็นชาวกัมพูชาคือ แยม ศรีเพชร ที่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องเครื่องแต่งกายชุดไทยว่าเป็นของกัมพูชา

หนึ่งในผู้แสดงความเห็นกล่าวว่า หนังไทยทำไมเอาดาราเขมรมาเล่นคะ เรื่องพระร่วงมีดาราเขมรเล่นด้วย แยม ศรีเพชร ที่สำคัญตัวเคลมชุดไทยอีก เอายังไงดีคะทุกท่าน หนังเรื่องนี้เด็กเขมรบอกว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์เขมรไม่ควรให้เสียมแสดง

อีกรายกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า คนไทยแห่แบนหนังประวัติศาสตร์เพราะมีดาราเขมรที่ชอบเคลมชุดไทยร่วมแสดงด้วย งงมาก ทำไมผู้กำกับไม่หาข้อมูลความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชามาก่อน ทั้ง ๆ ที่หนังเรื่องนี้มีสาระน่าดู นาน ๆ ทีที่จะมีหนังเกี่ยวกับสุโขทัยออกมา ซึ่งหนังประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสมัยอยุธยา แต่คนไทยส่วนหนึ่งรับไม่ได้กับพฤติกรรมของดาราสาวกัมพูชาคนนี้

ดาราไทยมีมากมายทำไมไม่เลือก ก่อนหน้านั้นมีประวัติดรามาระหว่างไทยกัมพูชา เรื่องเวทีนางงามมาก่อนเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ความขัดแย้งทางชายแดนระอุมากขึ้น อะไรที่เกี่ยวกับเขมรถูกต่อต้านได้ง่าย

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j