นักกฎหมายชี้ หากศาลตัดสินว่า “ทักษิณ” นอนชั้น 14 ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ต้องกลับเข้าคุกสถานเดียว เพราะถือว่ายังไม่ได้ถูกจำคุก จะอ้างว่าได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่ได้ เพราะได้ตามวาระ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดกาล ต้องรอการพระราชทานอภัยโทษครั้งใหม่
วันนี้(16 พ.ค.) นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านกฎหมาย อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นกรณีหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่าการนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา มาตรา 246 นายทักษิณจะต้องกลับไปเข้าคุกหรือไม่ เพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว
นายคมสัน กล่าวว่า เรามาทำความเข้าใจว่าทักษิณต้องกลับไปจำคุก ถ้าศาลชี้ว่าการไปอยู่ของทักษิณไม่ได้ปฏิบัติตาม ป.วิฯ อาญา มาตรา 246 จะอ้างว่าได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่ได้
1.การอภัยโทษที่ผ่านมา เป็นเพียงหลักเกณฑ์นักโทษคนใดเข้าเกณฑ์จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่การอภัยโทษเป็นรายบุคคล และเป็นการตราตามวาระพิเศษต่างๆ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดกาล
2. คนได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ ต้องได้รับโทษมาแล้วและได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดีขึ้นไป แต่ทักษิณกำลังจะถูกชี้ว่า ได้รับการจำคุกตามหมายจำคุกของศาลหรือไม่ ถ้าศาลชี้ว่าการที่เรือนจำส่งไปชั้น 14 ขัดกับ ป.วิฯ อาญา มาตรา 246 เท่ากับยังไม่ได้รับโทษจำคุก
3.ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฯ กำหนดให้นักโทษใหม่เป็นนักโทษชั้นกลาง ซึ่งพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ กำหนดไว้ว่าจะไม่ได้รับการอภัยโทษ
4.เมื่อยังไม่ได้รับโทษจำคุกจึงยังไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลย การเลื่อนชั้นนักโทษไม่มีเหตุเจ็บป่วยให้เลื่อนชั้น
5.เมื่อไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลยต้องไปรับโทษก่อนเพื่อได้รับสถานะนักโทษชั้นกลางก่อน ซึ่งไม่อาจได้รับพระราชทานอภัยโทษได้
6.การอภัยโทษที่ราชทัณฑ์ทำให้ทักษิณไปจึงเป็นการอภัยโทษที่ไม่เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.ส่วนที่ทักษิณได้รับการพักโทษภายหลังจากได้รับการอภัยโทษให้ลดโทษก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นเดียวกัน จึงเป็นการพักโทษที่่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
เมื่อเป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องกลับไปรับโทษเสียก่อนตามเงื่อนไข 1 ปี และไปรอการรับพระราชทานอภัยโทษครั้งใหม่ ซึ่งต้องมีพระราชกฤษฎีกาฯ ออกมาใหม่ตามวาระพิเศษต่างๆ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้