++ ชีวิตเจ้าสัวจะวนลูปเดิม!? "เปรมชัย กรรณสูต" พร้อม "ชวนหลิงจาง" และพวกรวม 17 ราย มีส่วนคดีตึกสตง.ถล่ม!
หลังจากมีข่าวมา 2-3 วัน และแล้วมีความเคลื่อนไหวว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องรับผิดชอบ จากเหตุการณ์อาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่มลงมาช่วงแผ่นดินไหวเดือนช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ล็อตแรกโดยอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต!
ในกลุ่มบุคคลที่ตำรวจขอหมายจับมีชื่อ "เปรมชัย กรรณสูต" อายุ 71 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บ.อิตาเลียนไทยฯ และ “ชวนหลิง จาง” อายุ 42 ปี ชาวจีน กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บ.ไชน่า เรลเวย์ฯพร้อมกับกลุ่มบุคคล บริษัทผู้ออกแบบ-ควบคุมการก่อสร้าง และ ผู้รับจ้างก่อสร้าง อาคารสตง.แห่งใหม่ รวม17 ราย ฐานไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
งานนี้ ต้องบอกว่า "เปรมชัย กรรณสูต" โดนคดีในฐานะ กรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี นัมเบอร์เทน (ไทย) ผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ ชีวิตจะวนกลับไปที่จุดเดิมหรือไม่
ก่อนหน้านี้ "เปรมชัย" เคยถูกศาลฎีกา พิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา และชดใช้เงิน 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 ในคดีล่าสัตว์ป่า หรือคดี"เสือดำ" อันครึกโครมสะเทือนใจของสังคม
เนื่องเพราะ คาดไม่ถึงว่า "เปรมชัย" ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าสัว" เจ้าของอาณาจักรอิตาเลียนไทย บริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของประเทศ จะไปก่อเรื่องก่อราวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
“เปรมชัย” ชดใช้กรรมอยู่ในคุกเป็นช่วงเวลาหนึ่ง กระทั่งกรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 17 ต.ค.66 ที่ผ่านมา
การปรากฏชื่อเป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับคราวนี้ของ "เปรมชัย" เพราะคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน ทั้งเอกสารและพยานบุคคล พบว่า แบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง และมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคาร ไม่ได้อยู่ตรงกลางอาคาร แต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่ออาคารแกว่งตัวจากแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงปล่องลิฟต์ และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลัง ตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน มีการส่งผลตรวจปูนซีเมนต์ ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสตง. ว่ามีมาตรฐานตรงตามค่า KSC ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรฐาน ที่ใช้วัดความแข็งแรงของคอนกรีตหรือไม่ ผลปรากฏว่า ความแข็งแรงของคอนกรีตไม่ได้มาตรฐาน ตามค่า KSC ส่วนการตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บได้จากอาคาร สตง. ก็ปรากฏว่ามีบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบเช่นกัน
จากหลักฐานข้างต้น คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จึงได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประทศไทย) ทำสัญญาระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และมีกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง 5 ราย รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย
กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง คือ กิจการร่วมการค้า PKW จำนวน 1 ราย ในฐานะส่วนตัว เนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ซึ่งทั้ง 3 บริษัท ตกลงยินยอมรับผิดร่วมกัน และแทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี โดย 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด, บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และ บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 ราย
กลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีอำนาจกระทำการแทนกินการร่วมค้า ITD-CREC รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย
เมื่อกงล้อแห่งกระบวนการยุติธรรมหมุนเช่นนี้แล้ว วิบากกรรมมาเยือน "เจ้าสัวเปรมชัย" อีกวาระ ในท้ายที่สุดแล้ว ผลของคดีจะเป็นเช่นไร หรือจะต้องวนเข้าสู่ลูปเดิมเหมือนคดีเสือดำ ก็ต้องติดตามกันต่อไป
++ “หมอวรงค์”พาชม ห้องVVIP ชั้น14 รพ.ตำรวจ ที่“ทักษิณ”พักอยู่ถึง 6 เดือน
ก่อนหน้านี้ ถ้าพูดถึง “ห้องพิเศษ” ชั้น14 รพ.ตำรวจ ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” พักรักษาตัวอยู่นานถึง 6 เดือน บรรดาสื่อต่างๆเวลาเสนอข่าวก็จะบอกว่าเป็นห้องระดับ VVIP ส่วนภาพก็เห็นแค่ภาพของตัวอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา อย่างมากก็เห็นป้ายบอกตัวเลขว่าเป็นชั้นที่ 14 ไม่มีใครได้เห็นสภาพภายในห้อง ว่าเป็นอย่างไร
แม้แต่“ชัยชนะ เดชเดโช” สส.ประชาธิปัตย์ ประธาน กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่เคยทำท่าขึงขัง พาสื่อจะไปตรวจสอบว่า “ทักษิณ”ได้มาพักรักษาตัว จริงหรือไม่ สุดท้ายก็เข้าไปไม่ได้
จากจะมาจับผิด ก็ได้แต่เฉไฉว่ามาศึกษาดูงานที่ รพ.ตำรวจ เมื่อถูกถามว่าเชื่อหรือไม่ว่า “ทักษิณ”ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ยังโบ้ยว่าให้ไปถามกรมราชทัณฑ์
.
แต่วันนี้ ห้อง 1404 รพ.ตำรวจ ไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เมื่อ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นำภาพมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก พร้อมบรรยายว่า
เป็นความโชคดีที่ ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ชั้น14 และได้พบกับ“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” โดยบังเอิญ ท่านจึงได้พามาดูห้อง 1404 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยขึ้นมาเยี่ยม “ทักษิณ”
ในห้อง1404 จะมีโถงใหญ่ไว้รับแขก มีห้องผู้ติดตาม มีห้องน้ำสำหรับแขกที่โถงใหญ่ ส่วนห้องนอนผู้ป่วย มีประตู คล้าย connecting room ของโรงแรมสุดหรูเชื่อม มีเตียงคนไข้ เตียงนอนเฝ้าคนไข้ ด้านข้างมีห้องน้ำภายในอีกห้อง
สภาพเตียงคนไข้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยสภาพอาการไม่ป่วยหนักมาก เพราะห้องคนไข้ จะอยู่มุมสุดห้อง ถือว่าไกล station ของพยาบาลมาก ผู้ป่วยที่มีอันตราย หรืออันตรายมาก อาจจะเสียชีวิตก่อนที่พยาบาลจะเดินมาถึง
ที่เตียงคนไข้ ไม่ได้มีอุปกรณ์กู้ชีพ มีเสาน้ำเกลือและจอวัดความดัน ชีพจร อุณภูมิเท่านั้น ห้องแบบนี้ จึงไม่เหมาะต่อ “ผู้ป่วยหนักหรือวิกฤต” ควรต้องช่วยตัวเองได้บ้าง ยิ่งนอนติดเตียง เป็นอันตรายต่อชีวิต ยิ่งไม่เหมาะมานอนที่นี่
ห้อง1404 จะอยู่ฝั่งตรงข้าม 1403 เมื่อเปิดประตูห้อง 1404 จะเจอห้อง 1403 และ ซอกข้างห้อง1403 กว้างสักประมาณสองเมตร ก็สามารถขึ้นลงทางประตูหนีไฟ ไม่มีใครเห็น
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่าตอนมาเป็นแขกที่นี่ครั้งแรก“นักโทษ”ใช้โถงใหญ่ ห้อง 1403 รับรอง นักโทษ มาพบที่ห้อง 1403 เมื่อออกจากประตูหนีไฟ จึงเข้ามาที่ห้อง 1403 ส่วนห้อง1404 จะตรงข้ามห้อง 1403 และตรงข้ามประตูหนีไฟ
แต่ตอนมาพบนักโทษครั้งที่สอง เขาใช้โถงใหญ่ ของห้อง 1404 ดูแล ได้กินข้าวเหนียวมะม่วง ที่ห้อง1404 เนื่องจากนักโทษเปิดใช้ทั้ง ห้อง 1403 และ 1404 แต่ 1403 เอาไว้รับแขก ตัวนักโทษจะนอนที่ 1404 ส่วนจะแว่บไปตอนไหน หรือไม่ ไม่ทราบ เพราะประตูหนีไฟค่อนข้างสะดวกและมิดชิด
สำหรับทิวทัศน์เมื่อมองผ่านกระจกออกไป นอกจากตึกสูงของกรุงเทพฯ แล้วยังเห็นบรรยากาศภายใน ราชกรีฑาสโมสร ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่ หญ้าเขียวๆ สระน้ำ และสนามแข่งม้าด้วย
สรุปแล้วสภาพห้องนี้ เป็นห้องพิเศษแบบ VVIP มีคำว่า ROYAL SUITE ติดที่ป้ายห้อง 1404 ด้วย จึงไม่ใช่ห้องควบคุมตัวพิเศษ "ไม่เหมาะที่จะให้นักโทษมาพักรักษา" ตามกฎกระทรวง ที่ส่งตัวนักโทษรักษาตัวนอกเรือนจำ
แหม..ก็เพราะห้องพักทั้งหรู ทั้งสะดวกสบายขนาดนี้ “ทักษิณ” จึงพักที่นี่ นานถึง 6 เดือน กระทั่งถึงกำหนดพักโทษ แล้วกลับไปนอนที่บ้านจันทร์ส่องหล้า